แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่รฟท.ได้ดำเนินงานศึกษาความเหมาะสม โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ช่วงสุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี ขณะนี้ ได้ข้อสรุปการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้น (Prelliminary Design ) และคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมแล้ว รวมถึงจัดทำรายนงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) ซึ่งตามผลศึกษาพบเป็นเส้นทางที่มีความคุ้มค่าและเป็นโครงข่ายสำคัญในการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟที่มีในปัจจุบัน และรองรับ การขนส่งสินค้า จากภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และไปยังภาคใต้ โดยไม่ผ่านกรุงเทพฯและปริมณฑล และเห็นว่า ควรศึกษา พัฒนา เส้นทางช่วง สุพรรณบุรี-หนองปลาดุก ซึ่งปัจจุบันเป็นทางเดี่ยวให้เป็นทางคู่ตลอดสาย แก้ปัญหาคอขวด ในอนาคต
โดยตามแผนทางรถไฟช่วงสุพรรณบุรี - นครหลวง - ชุมทางบ้านภาชี ดำเนินการออกแบบรายละเอียดและการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ปี 2568-2569 วงเงิน 57 ล้านบาท ขอความเห็นชอบรายงาน EIA ปี 2570 นำเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติโครงการในปี 2571 ก่อสร้างในปี 2572 เปิดให้บริการในปี 2576
"ทางจังหวัด และผู้ประกอบการในพื้นที่ มีความต้องการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยลดปริมาณรถบรรทุกบนถนนเส้นทางได้มาก จึงถือเป็นเส้นทางที่มีความคุ้มค่า"
โดยการศึกษาพบว่าแนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมและได้คะแนนรวมสูงสุด คือทางเลือกที่ 3 จุดเริ่มต้นโครงการ ออกจากสถานีสะแกย่างหมู มุ่งทิศเหนือ ก่อสร้างทางคู่ใหม่ตามทางแนวเดิมจนถึงประมาณกม.ที่ 2+346 จากนั้นเบี่ยงขวาออกจากทางรถไฟเดิมก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟกับทางหลวงหมายเลข 357 (ทางเลี่ยงเมืองสุพรรณบุรี) ประมาณ 4.5 กม. มุ่งทิศตะวันออก ขนานทางหลวงหมายเลข 357 ข้ามแม่น้ำท่าจีน ผ่านทางหลวงหมายเลข 340 ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งผักไห่ ผ่านทางหลวงหมายเลข 3454 ข้ามแม่น้ำน้อย ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งป่าโมก ผ่านทางหลวงหมายเลข 3412 ข้ามคลองบางหลวงผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งบางบาล ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางหลวงหมายเลข 309 บริเวณด้านทิศใต้ห่างจากตัวเมืองของอำเภอป่าโมก ประมาณ 6 กม. ผ่านทุ่งรับน้ำทุ่งบางกุ้ง ผ่านทางหลวงหมายเลข 347 และทางหลวงหมายเลข 32 ข้ามแม่น้ำลพบุรี แล้วจึงเบี่ยงแนวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามแม่น้ำป่าสัก ผ่านทางหลวงหมายเลข 3063 รองรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และการขนส่งสินค้าทางเรือ ของท่าเรือในเขต อ.นครหลวง แล้วจึงเข้าเชื่อมต่อทางรถไฟเดิมบริเวณก่อนถึงสถานีพระแก้ว ประมาณ กม.ที่ 67+952 จากนั้นทำการปรับปรุงทางเดิมจาก 3 ทางให้เป็น 4 ทาง จนเข้าบรรจบกับทางรถไฟเดิมบริเวณย่านสถานีชุมทางบ้านภาชี มีจุดสิ้นสุดที่สถานีชุมทางบ้านภาชี ประมาณ กม.ที่ 73+800
โดยเป็นแนวเส้นทางที่ใช้เขตทางเดิมบริเวณช่วงต้นโครงการระยะทางประมาณ 2.40 กม.เส้นทางตัดใหม่ที่ต้องมีการเวนคืนประมาณ 65.50 กม. และใช้เขตทางเดิมบริเวณปลายโครงการระยะทางประมาณ 5.90 กม. รวมระยะทางโครงการ 73.80 กม.ซึ่งมีตำแหน่งสถานีทั้งหมด 4 สถานีได้แก่ สถานีสะแกย่างหมู สถานีสุพรรณบุรี (ใหม่) สถานีบ้านกุ่ม สถานีบางปะหัน มีลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (CY) อีก 3 แห่งคือ CY สะแกย่างหมู CY บางปะหัน และ CY บ้านภาชี ทั้งนี้ เบื้องต้น เวนคืนที่ดินประมาณ 3,448 ไร่ และรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างประมาณ 161 หลัง
อย่างไรก็ตาม เส้นทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัด (อยุธยา สุพรรณบุรี อ่างทอง) เนื่องจากจะเป็นทางเลือกในการเดินทางและขนส่งสินค้าที่ประหยัดและปลอดภัย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งรวบรวมและกระจายสินค้าทางการเกษตร เป็นเส้นทางรถไฟสายใหม่ที่เชื่อมต่อในแนวตะวันตก-ตะวันออก เชื่อมโยงกับเส้นทางรถไฟเดิม ขนส่งสินค้าลงสู่ภาคใต้ โดยไม่ผ่านพื้นที่กรุงเทพ (บางซื่อ) และลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเชื้อเพลิง