ธปท. พร้อมกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง จ่อคุมดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียม แทนสคบ.

ข่าวยานยนต์ Thursday June 12, 2025 16:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธปท. พร้อมกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง จ่อคุมดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียม แทนสคบ.

น.ส.พีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 68 เป็นต้นไป ธปท. จะเข้ากำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลีสซิ่ง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ อย่างเป็นทางการ ภายหลังจากที่มีประกาศ "พ.ร.ฎ.กำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลีสซิ่ง รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2568" (พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯ) ในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.68 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน

ธปท. พร้อมกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง จ่อคุมดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียม แทนสคบ.

ทั้งนี้ การที่ ธปท.เข้ามากำกับดูแลธุรกิจให้เช่าซื้อ ลีสซิ่ง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของธุรกิจนี้ และที่สำคัญคือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรม ขณะเดียวกัน ก็เป็นการช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงินด้วย

น.ส.พีรจิต กล่าวว่า จากข้อมูลในปัจจุบันพบว่ามีนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ ลิสซิ่งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ ประมาณกว่า 3 พันราย โดยในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีพอร์ตสินเชื่อรวมเกินกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ประมาณ 60 ราย ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ที่มีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 100-1,000 ล้านบาท มีประมาณ 150 ราย และที่เหลือเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่มีพอร์ตสินเชื่อรวมต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ธปท. พร้อมกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง จ่อคุมดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียม แทนสคบ.

ธปท. เล็งเห็นว่า ธุรกิจให้บริการเช่าซื้อและลีสซิ่ง มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และมีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปี 2567 มียอดธุรกรรมคงค้างที่ระดับ 1.6 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของยอดหนี้ครัวเรือนของประเทศ อีกทั้ง 1 ใน 3 ของยอดธุรกรรมคงค้างดังกล่าว เป็นการให้บริการโดยผู้ประกอบธุรกิจที่ยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังมีเรื่องร้องเรียนการให้บริการเข้ามายัง ธปท.เป็นจำนวนมาก เช่น การให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนแก่ลูกค้า, การปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่สอดคล้องกับรายได้, การคิดค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ

ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่เป็นธรรม และได้รับข้อมูลที่โปร่งใส เพียงพอต่อการตัดสินใจใช้บริการในธุรกิจดังกล่าว อีกทั้งเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ การเงิน และการบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อ ลีสซิ่ง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้ามาอยู่ในการกำกับดูแลของ ธปท. ซึ่งจะอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551

น.ส.พีรจิต กล่าวว่า ในระหว่างที่กฎหมายยังไม่มีผลบังคับนี้ ธปท.ได้เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ลงทะเบียนเพื่อรายงานตัวกับ ธปท.เพื่อให้พร้อมรองรับการกำกับดูแล และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ ธปท.ในอนาคต

"จะเริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการ มารายงานตัวผ่านเว็บไซต์ของ ธปท.ก่อน 3 เดือนที่ พ.ร.ฎ.จะเริ่มมีผลบังคับใช้ และเปิดให้รายงานตัวไปจนถึง พ.ร.ฎ.มีผลบังคับใช้ไปแล้ว 3 เดือน...ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นระบบการขออนุญาต แต่เป็นการให้มาลงทะเบียน ซึ่งในกรณีที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ธปท.จะมีการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนบริษัทขนาดเล็ก จะใช้เครื่องมือเข้าไปช่วยในการสุ่มตรวจ เช่น การใช้ Social Listening ดูจากเรื่องร้องเรียน ถ้าเห็นสัญญาณก็จะเข้าไปตรวจ แต่เราคงไม่ได้ตรวจกวาดไปทุกแห่ง " น.ส.พีรจิต ระบุ

  • ไทม์ไลน์แผนการดำเนินการ

- 5 มิ.ย.68 พ.ร.ฎ.กำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ลงราชกิจจานุเบกษา

- ก.ค.68 ธปท.จัด Focus group กับสมาคมที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมเช่าซื้อฯ สมาคมลีสซิ่ง

- ส.ค.-ก.ย.68 เปิดรับฟังความเห็นต่อร่างประกาศ ธปท.เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำกับดูแล, เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเริ่มรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ของ ธปท. (ระยะเวลารายงานตัว 6 เดือน)

- ต.ค.-พ.ย.68 ธปท.ดำเนินการตามกระบวนการออกประกาศ ธปท.

- 2 ธ.ค.68 พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ และ ประกาศ ธปท.มีผลบังคับใช้วันที่ 3 ธ.ค.68

- ไตรมาส 1/69 สิ้นสุดระยะเวลาการรายงานตัวของธุรกิจ (ธปท.จะแจ้งระยะเวลาที่ชัดเจนในการรายงานตัวให้ทราบต่อไป)


  • ธปท.จ่อดูแล "ดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียม" ธุรกิจลีสซิ่งแทน สคบ.

น.ส.พีรจิต กล่าวว่า เมื่อธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลีสซิ่ง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.แล้ว สิ่งที่ ธปท.จะสามารถดำเนินการได้ คือ การออกหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจและการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม, การดูแลเรื่องการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) เช่น การโฆษณา การให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาการชำระหนี้ เป็นต้น, การดูแลเรื่องการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) เช่น กระบวนการขายผลิตภัณฑ์ การดูแลข้อมูลลูกค้า และการแก้ไขจัดการเรื่องร้องเรียน เป็นต้น

"ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนั้น ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของ สคบ. ซึ่งจะต้องมีการทบทวนทุก 3 ปีให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะครบ 3 ปีใน ต.ค.68 นี้ ดังนั้นดอกเบี้ยในรอบใหม่ ก็คาดว่าจะเข้ามาอยู่ในการดูแลของ ธปท. โดยจะมีการหารือกับ สคบ.ด้วยว่าจะทบทวนอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไร ตอนนี้เรายังไม่มีตัวเลขในใจ ต้องรอข้อมูลให้ครบถ้วน และต้องคุยกับผู้ประกอบธุรกิจด้วย ต้องดูสภาพเศรษฐกิจ ดูต้นทุนเป็นอย่างไร หลักการเรื่องการดูอัตราดอกเบี้ย คือ ดูต้นทุนไม่ให้เกินสมควร ดูความเสี่ยง และต้องไม่ผลักภาระให้กับประชาชนมากเกินไป" น.ส.พรจิต ระบุ

นอกจากนี้ ธปท.จะมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการแจ้งเปลี่ยนแปลง และการขอผ่อนผันเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ การตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งกิจการ สินทรัพย์ หนี้สิน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสามารถสั่งให้แก้ไขการดำเนินงานในกรณีที่ธุรกิจไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ฎ.เช่าซื้อลีสซิ่งฯ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรม หรือเอาเปรียบลูกค้า จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

ขณะที่หน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจ จะต้องมีการรายงานตัว, ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจ และการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งการรายงานข้อมูลที่จำเป็น และจะมีบทลงโทษตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 ในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตาม หรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ (โทษปรับ จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ)



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ