Power of The Act: ธุรกิจ Microgrid เพื่อก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 18, 2025 16:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Power of The Act: ธุรกิจ Microgrid เพื่อก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด

จะ "ดีหรือไม่?" หากผู้จัดหาไฟฟ้า หรือ ผู้ใช้ไฟฟ้าในชุมชน หรือพื้นที่ในอาณาบริเวณหนึ่งสามารถ "เลือก" ที่จะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน สามารถ "ควบคุม" การจ่ายไฟฟ้าสีเขียวดังกล่าวให้กับสถานีอัดประจุไฟฟ้าภายในพื้นที่ของตน ไฟฟ้าที่ผลิตจากทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้กระจายตัวจะอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่จะมีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติที่ตั้งอยู่ห่างไกล หรืออย่างน้อยการสามารถใช้ไฟฟ้าสีเขียวเหล่านี้ก็ช่วยลดภาระที่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศต้องสำรองและพึ่งพาไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

หากคำตอบคือ "ดี" เราคงต้องการระบบที่มีศักยภาพในการควบคุมสั่งการการไหลเวียนของไฟฟ้าสะอาดได้โดยแยกออกจากศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าในระดับประเทศ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดของระบบไมโครกริด (Microgrid) ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการกระจายอำนาจการผลิตไฟฟ้าและการขยายบริการไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือระบบเกาะ ในทางกฎหมาย คำถามคือการลงทุนเพื่อจัดให้มี ใช้งาน และบำรุงรักษา ระบบ Microgrid นั้นเป็นสิ่งที่กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรอบในการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 นั้น "เปิดช่อง" ให้ทำได้หรือไม่ และจะต้องถูกกำกับดูแลอย่างไร


*Microgrid คืออะไร?

หากเอกชนจะลงทุนทำ Microgrid คงจะต้องรู้ว่า Microgrid คืออะไรและจะต้องมีศักยภาพอย่างไร

คณะกรรมการวิศวกรรมไฟฟ้านานาชาติ (IEC) ได้ให้คำจำกัดความเดิมของ Microgrid ที่ปรากฏในเอกสาร IEC-TS-62898-1:2017 ระบุว่าระบบ Microgrid จะต้องสามารถดำเนินการได้ทั้งในโหมดเชื่อมต่อกับโครงข่ายหลัก (grid-connected mode) และโหมดแยกตัว (island mode)

อย่างไรก็ตาม ในบริบทของระบบไฟฟ้าบางประเภท เช่น ระบบไฟฟ้าบนเกาะ หรือระบบไฟฟ้าในพื้นที่ที่โครงข่ายไฟฟ้าหลักยังไม่เข้าถึง (isolated systems) การกำหนดเช่นนี้อาจเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ระบบดังกล่าวไม่สามารถได้รับการพิจารณาว่าเป็น Microgrid แม้ว่าจะมีลักษณะการควบคุมและองค์ประกอบเชิงเทคนิคที่ครบถ้วน

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ IEC จึงได้จัดทำเอกสารฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม (Amendment) ภายใต้ชื่อว่า IEC-TS-62898-1-2017-AMD1-2023 ซึ่งได้เสนอคำจำกัดความใหม่ของ Microgrid ดังนี้:

"A group of interconnected loads and distributed energy resources with defined electrical boundaries forming a local electric power system at distribution voltage levels, that acts as a single controllable entity and is able to operate in island mode."

ประเด็นสำคัญของการพัฒนาคำจำกัดความ คือ การตัดคำว่า "grid-connected mode" ออก และเน้นคุณลักษณะสำคัญของ Microgrid ว่าจะต้องสามารถดำเนินการได้ในโหมดแยกตัว (island mode) ซึ่งหมายถึงระบบจะต้องสามารถควบคุมความถี่และแรงดันไฟฟ้าได้ด้วยตนเองในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายหลัก

ระบบ Microgrid โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี Low-carbon Microgrid นั้น มีองค์ประกอบหลัก 4 ส่วน ได้แก่ 1. ระบบผลิตไฟฟ้า (Supply) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดเล็ก 2. ผู้ใช้ไฟฟ้า (Demand) ได้แก่ โหลดจากภาคอาคาร โรงงาน หรือชุมชน 3. ระบบกักเก็บพลังงาน (Storage) เช่น แบตเตอรี่ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของการผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 4. ระบบควบคุม (Microgrid Controller) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการพลังงานภายใน Microgrid

ในทางเทคนิค Microgrid Controller มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของพลังงานภายในระบบ โดยเฉพาะเมื่อระบบเข้าสู่โหมดแยกตัว ซึ่งจำเป็นต้องควบคุมความถี่และแรงดันไฟฟ้าโดยไม่พึ่งโครงข่ายหลัก ขณะที่ในโหมดเชื่อมต่อกับโครงข่าย (grid-connected mode) ระบบควบคุมสามารถตั้งค่าการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การส่งไฟฟ้าส่วนเกินกลับเข้าระบบ หรือการชาร์จแบตเตอรี่ในช่วงที่ค่าไฟฟ้าต่ำ

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Microgrid คือ ความสามารถในการเปลี่ยนโหมดการทำงานอย่างไร้รอยต่อ (seamless transition) กล่าวคือ เมื่อโครงข่ายไฟฟ้าหลักเกิดปัญหา Microgrid Controller จะสั่งการให้ระบบเข้าสู่ island mode โดยไม่ทำให้เกิดไฟฟ้าดับ และเมื่อโครงข่ายหลักกลับมาทำงานได้ตามปกติ ระบบจะเข้าสู่กระบวนการ synchronizing เพื่อกลับไปเชื่อมต่อกับโครงข่ายอย่างราบรื่น จะเห็นได้ว่า Microgrid นั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานเพื่อมุ่งหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ การมีไฟฟ้าและใช้ที่ผลิตจากทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนนั้นสามารถทำงานควบคู่ไปกับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าที่ยังมีส่วนต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลได้อย่างไร้รอยต่อ


*การก่อสร้างและใช้งาน Microgrid เป็นการประกอบกิจการพลังงานหรือไม่?

เมื่อพิจารณาคำจำกัดความและศักยภาพของระบบ Microgrid แล้วคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่ก่อสร้างและใช้งานระบบ Microgrid นั้นกำลังประกอบกิจการหรือให้บริการพลังงาน ซึ่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ให้นิยามของ "กิจการพลังงาน" ว่าหมายถึง "กิจการไฟฟ้า กิจการก๊าซธรรมชาติ หรือกิจการระบบโครงข่ายพลังงาน"

โดยในส่วนของกิจการไฟฟ้านั้น หมายความว่า "การผลิต การจัดให้ได้มา การจัดส่ง การจำหน่ายไฟฟ้า หรือการควบคุมระบบไฟฟ้า" กฎหมายยังบัญญัติต่อไปอีกว่า การประกอบกิจการพลังงานไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดังนั้น หากการก่อสร้างและใช้งานระบบ Microgrid นั้นเป็นกิจการพลังงาน ผู้ประสงค์จะประกอบการย่อมต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานจาก กกพ.

ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาอยู่ตรงคำจำกัดความทางเทคนิคของ Microgrid ร่วมกับนิยามของการประกอบกิจการพลังงานตามกฎหมาย ประเด็นแรกคือ "forming a local electric power system at distribution voltage levels" ซึ่งระบุขอบเขตของ Microgrid ว่าเป็นโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็กอยู่ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า ดังนั้นแล้ว การใช้งาน Microgrid อาจกลายเป็นกิจการที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตระบบจำหน่ายไฟฟ้าและใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า กล่าวคือ ผู้ประกอบการจะสามารถนำไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้า หรือระบบผลิตไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ไฟฟ้า อีกทั้งยังเป็นผู้ค้าปลีกไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายไฟฟ้าอีกด้วย

อีกประเด็นคือ "operate in island mode" ซึ่งหมายถึง การจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าของ Microgrid เพื่อควบคุมความถี่และแรงดันทางไฟฟ้าเมื่ออยู่ในโหมดการทำงานแบบแยกโดด (islanding) ในกรณี Microgrid นี้จะมี Microgrid Operator (MGO) ทำหน้าที่ควบคุมและสั่งการระบบ Microgrid ซึ่งเมื่ออยู่ในโหมดการทำงานแบบแยกโดดก็คือ การควบคุมโครงข่ายไฟฟ้า (ขนาดเล็ก) ทั้งหมดให้มีเสถียรภาพ เพื่อควบคุมรักษาความถี่และแรงดันทางไฟฟ้าใน Microgrid ให้มีเสถียรภาพในภาพรวมจึงอาจกลายเป็นการประกอบกิจการ "ควบคุมระบบไฟฟ้า" ซึ่งอาจกลายเป็นการประกอบกิจการ "ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า" ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550

โดยทั่วไปแล้ว การประกอบกิจการควบคุมระบบไฟฟ้านั้นจะเป็นศูนย์ควบคุมกลางที่ดูแลเสถียรภาพทางความถี่และแรงดันทางไฟฟ้าของทั้งระบบในภาพรวมของประเทศ ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเรื่อง หลักเกณฑ์การสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าสำหรับผู้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า พ.ศ. 2564 กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้ามีหน้าที่ เช่น วางแผนและสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมในระบบขณะนั้น โดยเริ่มจากกระบวนการวางแผนเดินเครื่องเพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง เชื่อถือได้ มีคุณภาพ และเพียงพอต่อเนื่อง และวางแผนและสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยต้นทุนที่เหมาะสม


*การควบคุมระบบไฟฟ้าของทั้งประเทศโดย กฟผ.

ระบบไฟฟ้าต้องถูกควบคุมอย่างรอบคอบระมัดระวัง สำหรับระบบไฟฟ้าของ "ทั้งประเทศ" นั้นหน้าที่ในการควบคุมจะเป็นของ กฟผ. โดย กฟผ. เป็นผู้ถือใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า (System Operator หรือ SO) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550

ตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเรื่อง หลักเกณฑ์การสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าสำหรับผู้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า พ.ศ. 2564 กฟผ. ในฐานะ "ผู้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า" จะต้องสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้ โดยคำนึงถึงมิติความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (Safety & Environment) ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติการกำกับผู้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้าตามหลักเกณฑ์ตามลำดับ ดังต่อไปนี้ (1) ประเภท Must Run เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า (2) ประเภท Must Take เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และประเภท Minimum Take เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดตามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ (3) ประเภท Merit Order เพื่อให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำที่สุด สำหรับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้คิด Merit Order ด้วยวิธีการ Heat Rate เพื่อให้การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติมีประสิทธิภาพสูงสุด

จะเห็นได้ว่าบทบาทของการควบคุมดังกล่าวนั้นเป็นการควบคุมระบบไฟฟ้า "ของทั้งประเทศ" การประกอบกิจการควบคุมระบบไฟฟ้าของ กฟผ. นั้นตกอยู่ในบังคับของดัชนีวัดคุณภาพการควบคุมระบบไฟฟ้าของ SO เช่น ความถี่ไฟฟ้า และ Bulk System Disturbance Index (BDI) ล้วนเป็นดัชนีระดับระบบใหญ่ (bulk system) ที่ใช้ประเมินความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าทั่วประเทศ มิใช่การควบคุมในพื้นที่ที่แยกส่วนออกมาดังกล่าวควบคุมการไหลเวียนและจำหน่ายไฟฟ้าของ Microgrid

ในประเทศไทย ปัจจุบัน เฉพาะ กฟผ. เท่านั้นที่ได้รับใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า (SO License) อย่างเป็นทางการ ขณะที่ศูนย์ควบคุมระบบของ กฟภ. และ กฟน. ยังไม่ได้แยกใบอนุญาต DSO อย่างชัดเจน แต่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวภายใต้ใบอนุญาตระบบจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับนิยามในมาตรา 5 ในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่กำหนดว่า "ระบบจำหน่ายไฟฟ้า" ให้หมายรวมถึงศูนย์ควบคุมด้วย

หากจะกล่าวถึง Microgrid แล้ว การไฟฟ้าที่ลงมือประกอบการจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้แก่ กฟภ.จากข้อมูลปัจจุบัน กฟภ. มีประสบการณ์และได้ดำเนินงานเกี่ยวกับ Microgrid ทั้งแบบที่เชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าหลัก เช่น Microgrid ขุนแปะ Microgrid แม่สะเรียง Microgrid เบตง และแบบที่ไม่ได้เชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าหลัก เช่น Microgrid เกาะพะลวย เป็นต้น


*Microgrid คือส่วนหนึ่งของระบบจำหน่ายหรือแยกต่างหาก?

หาก "บุคคลอื่นที่ไม่ใช่การไฟฟ้า" เช่น บริษัทเอกชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะก่อสร้างและใช้งาน Microgrid ในพื้นที่อันจำกัด เช่น ในนิคมอุตสาหกรรม เมืองอัจฉริยะ หรือในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลหนึ่ง บุคคลเหล่านี้จะสามารถขอรับใบอนุญาตจาก กกพ. ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ได้หรือไม่?

จากนิยามของกิจการไฟฟ้าตามกฎหมาย กกพ. อาจพิจารณาว่าบุคคลประกอบกิจการ Microgrid นั้นจะต้องขอรับใบอนุญาต "ระบบจำหน่ายไฟฟ้า" ซึ่งให้นิยามของการประกอบกิจการว่าเป็นการนำไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้า หรือระบบผลิตไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาต และให้หมายความรวมถึงศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมระบบจำหน่ายไฟฟ้านั้นด้วย

นอกจากนี้ กกพ. ยังอาจพิจารณาเพิ่มประเภทใบอนุญาตการประกอบกิจการ Microgrid ให้เป็นการประกอบกิจการประเภทหนึ่งแยกออกจากการประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้า โดยถือว่าเป็น "การควบคุมระบบไฟฟ้า" อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นการควบคุมการไหลเวียนและจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่จำกัด มิใช่การประกอบกิจการควบคุมระบบไฟฟ้าของทั้งประเทศดังกรณีการควบคุมระบบไฟฟ้าของ กฟผ.

โดย กกพ. นั้นสามารถอาศัยอำนาจตามมาตรา 47 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งบัญญัติให้ กกพ. กำหนดประเภทและอายุใบอนุญาตให้สอดคล้องกับขนาดและลักษณะของกิจการพลังงานประเภทต่าง ๆ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และการลงทุน รวมถึงลักษณะการแข่งขันของกิจการแต่ละประเภท และอาจกำหนดเงื่อนไขเป็นการเฉพาะรายด้วยก็ได้

การแยกประเภทใบอนุญาต Microgrid ออกมาเป็นการประกอบกิจการพลังงานอีกประเภทหนึ่งจะช่วยให้ กกพ. มีอำนาจกำกับดูแลได้ตามลักษณะเฉพาะ เช่น สามารถกำหนดดัชนีชี้วัดคุณภาพการควบคุมระบบไฟฟ้าให้เป็นคนละประเภทกับการชี้วัดคุณภาพของการควบคุมระบบไฟฟ้าของทั้งประเทศ เนื่องจากดัชนีชี้วัดคุณภาพการควบคุมระบบไฟฟ้าของทั้งประเทศนั้นอาจไม่เหมาะสมกับการใช้วัดผลการดำเนินงานของระบบควบคุมในระดับ Microgrid โดยเฉพาะในกรณีที่ Microgrid นั้นเชื่อมต่ออยู่กับระบบใหญ่เกือบตลอดเวลา และเข้าสู่โหมดแยกตัวเพียงชั่วคราว เช่น ในชุมชนเมืองหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มี prosumers DERs จำนวนมาก ซึ่งต่างจาก Microgrid ในพื้นที่ห่างไกล เช่น เกาะ ที่อาจดำเนินงานในลักษณะแยกตัวตลอดเวลา การกำกับดูแลการควบคุมระบบของ Microgrid จึงควรออกแบบให้แยกจากบริบทของ SO และอาจใกล้เคียงกับบทบาทของ DSO (Distribution System Operator) มากกว่า


*แนวปฏิบัติในต่างประเทศ

ในสหรัฐอเมริกา (ขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ) ผู้ประกอบการ Microgrid ที่ผลิตไฟฟ้าจะต้องมี ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า (Generation License) และหากดำเนินการส่งไฟฟ้าไปยังผู้บริโภคก็ต้องมี ใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า (Distribution License) ด้วย ใน ออสเตรเลีย การประกอบกิจการ Microgrid ต้องมีทั้ง Generation License และ Distribution License โดยเฉพาะหากระบบนั้นเกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภายในพื้นที่ ทั้งนี้ หาก Microgrid เป็นระบบที่ไม่เชื่อมต่อกับตลาดไฟฟ้าแห่งชาติ (NEM) ก็จำเป็นต้องมี Retail License เพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมเฉพาะระบบ off-grid เท่านั้น

ส่วนในสหราชอาณาจักรนั้น บุคคลที่ประสงค์จะประกอบกิจการ Microgrid จะต้องมีใบอนุญาตครบทั้งสามประเภท ได้แก่ Electricity Generation License สำหรับการผลิตไฟฟ้า, Electricity Distribution License สำหรับการจัดการระบบส่งไฟฟ้า และ Electricity Supply License สำหรับการขายไฟฟ้าให้ผู้บริโภคทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ

ตามแนวทางในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรจะเห็นได้ว่าไม่มีประเทศใดได้แยกเอา System Control License ออกมาเป็นใบอนุญาตอีกประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากขอบเขตความรับผิดชอบภายใต้ Distribution License นั้นสามารถครอบคลุมการปฏิบัติการควบคุม (operating) และบริหารจัดการ (managing) โครงข่ายระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปด้วยแล้ว จึงไม่ต้องเพิ่มเติมใบอนุญาตควบคุมระบบไฟฟ้า

โดยสรุปแล้ว Microgrid นับเป็นองค์ประกอบทางเทคนิคที่ช่วยสนับสนุนแนวคิดการผลิตและใช้พลังานแบบกระจายตัว มีส่วนช่วยให้เกิดการยั่งยืนและยืดหยุ่นของระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศจะพึ่งพาไฟฟ้าจาก "โรงไฟฟ้าพลังความร้อนน้อยลง" ลดต้นทุนที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่ายจากต้นทุนค่าความพร้อมจ่ายและการส่งไฟฟ้าที่ผลิตจากที่ห่างไกล และที่สำคัญคือการช่วยให้ผู้ใช้ไฟฟ้านั้นมีทางเลือกในการใช้ไฟฟ้าซึ่งจะช่วยให้แนวคิดประชาธิปไตยทางพลังงานค่อย ๆ หยั่งรากลงในสังคมไทย ในทางกฎหมาย ผู้เขียนเห็นว่าพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 สามารถถูกใช้เป็นฐานทางกฎหมายรองรับการลงทุนก่อสร้างและใช้งาน Microgrid ได้ และไม่ควรถูกตีความหรือบังคับใช้เพื่อปิดหรือตัดโอกาสที่เอกชนจะลงทุนและประกอบกิจการเกี่ยวกับ Microgrid

ผศ.ดร.ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ ผู้อำนวยการหลักสูตร LL.M. (Business Law)

หลักสูตรนานาชาติ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ