
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรก รวมวงเงินประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ที่จะใช้จากงบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท และจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้าพิจารณาอนุมัติต่อไป
ทั้งนี้ โครงการจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ผ่านการพิจารณาในรอบนี้ รวมวงเงินประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ถึง 70% เป็นโครงการที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำ และการคมนาคม รองลงมา 10% เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือเป็นโครงการอื่น ๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือดูแลผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ และโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษา
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า การใช้งบประมาณในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การใช้งบกลาง และต้องจัดทำงบประมาณผูกพันภายใน 30 ก.ย.68 โดยใช้ไม่เกินระยะเวลา 1 ปี
พร้อมคาดว่า ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะช่วยดัน GDP ให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.4% แต่หากมีการใช้งบประมาณทั้งก้อนที่ 1.57 แสนล้านบาท ก็คาดว่าจะช่วยดัน GDP ให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.5-0.6%
นายพิชัย กล่าวว่า การประชุมวันนี้ สืบเนื่องสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ รัฐบาลจึงมีแผนที่จะใช้โครงการเหล่านี้ เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมศักยภาพขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศทั้งระยะสั้น ระยะยาว โดยโครงการต่าง ๆ ที่อนุมัติมีการกระจายการลงทุนไปทั่วประเทศ ครอบคลุมเกือบทุกอำเภอ และกระจายเงินลงทุนอย่างสมดุล คาดว่าก่อให้เกิดการจ้างงาน ประมาณ 6-7 ล้านคน คิดเป็นค่าจ้างงานประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนงบประมาณที่ยังไม่ได้อนุมัติวันนี้อีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เสนอเข้ามา ซึ่งตรวจสอบเบื้องต้นแล้วอาจจะยังไม่ผ่านรัฐมนตรีต้นสังกัด เพราะส่งเข้ามาโดยตรง หรือมีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่เคยทำอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุมรอบหน้า ซึ่งหากในท้ายสุดยังมีงบประมาณเหลือ ก็สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ หรือถ้าไม่ใช้งบก้อนนี้ ก็จะทำให้รัฐบาลกู้หนี้น้อยลง
รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้การดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปภายใต้ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งบประมาณ หรือโครงการที่ขอเข้ามา และกำชับให้รัฐมนตรีต้นสังกัดกำกับดูแลการใช้งบประมาณนี้อย่างใกล้ชิด
นายพิชัย ยืนยันด้วยว่า ทุกโครงการที่เข้าร่วมในครั้งนี้ คณะกรรรมการกลั่นกรองฯ ได้เสนอด้วยความระวัดระวัง ซึ่งทุกโครงการล้วนแต่ต้องผ่านหลักเกณฑ์ 8 ข้อ และต้องปฏิบัติตามระเบียบของงบกลาง โดยมีการพิจารณาแล้วว่าโครงการประเภทใดที่ไม่ควรจะดำเนินการ
อย่างไรก็ดี จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นอีกชุดเพื่อกำกับและติดตามประเมินผลโครงการ เพื่อให้แต่ละโครงการที่ได้รับอนุมัติงบประมาณไปนั้น บรรลุผลและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อเศรษฐกิจของประเทศ