นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพ.ค.68 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ค.68 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้า ที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลง ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายใน และภายนอกประเทศ ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพ.ค.68 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.2% รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -4.7% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพ.ค.68 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.2 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ดี ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.7%
- เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน (เบื้องต้น) เดือนพ.ค.68 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 36.2% ขณะที่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่เดือนพ.ค.68 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -10.9%
- มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพ.ค.68 อยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ที่ 18.4% (ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 38 เดือน นับตั้งแต่มี.ค.65 ) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ จีน และอินเดีย ส่วนตลาดญี่ปุ่น และตลาดอาเซียน-5 ลดลง
- เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังคงขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพ.ค.68 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.27 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -13.9% ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยใน 22.9 ล้านคน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.9%
ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพ.ค.68 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 4.3% สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนพ.ค.68 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 88.1 โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และความกังวลจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของไทย ในเดือนพ.ค.68 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.2 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น
- เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี: สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพ.ค.68 อยู่ที่ -0.57% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.09% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเม.ย.68 อยู่ที่ 64.8% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพ.ค.68 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 257.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาพรวมภาวะตลาดการเงินไทยล่าสุด เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน: โดยเฉพาะในตลาดทุน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนบุคคลทั่วไปในประเทศ ที่กลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณายอดสะสมตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงถือสถานะผู้ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ที่ 40,106.73 ล้านบาท ซึ่งบ่งชี้ความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพด้านการคลัง และความมั่นคงของพันธบัตรรัฐบาลไทยในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน และแนวนโยบายการเงินของประเทศหลักซึ่งยังคงตึงตัว