ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.38 แกว่งกรอบแคบรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.30-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 6, 2025 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปืดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.38 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.34 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.34 - 32.40 บาท/ดอลลาร์ โดยช่วงนี้ยังไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

"บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ค่าเงินภูมิภาคยังไร้ทิศทาง ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อที่ ออกมาติดลบส่งผลต่อค่าเงินในวงจำกัด" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.30 - 32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.79 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 147.56 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1586 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1575 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,264.47 จุด เพิ่มขึ้น 17.51 จุด (+1.40%) มูลค่าซื้อขาย 65,232.67 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,011.04 ล้านบาท
  • กระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเดือน ก.ค.68 อยู่ที่ 100.15 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน -0.70% จากการลดลง
อย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าในกลุ่มผักสด ผลไม้สด และของใช้ส่วนบุคคล ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง
ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้า ตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
  • ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะดูแลอัตราเงินเฟ้อให้เข้าใกล้กรอบเป้าหมายที่
กำหนดไว้ 1-3% ให้มากที่สุด หลังกระทรวงพาณิชย์เผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.68 ลดลง 0.70% ซึ่งลดลงต่อเนื่องเดือนที่ 4 นับตั้งแต่
เดือน เม.ย.68
  • กกร.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปี 68 มาอยู่ที่ 1.8-2.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.5-2.0% รวมทั้งปรับ
เพิ่มประมาณการส่งออกไทยปีนี้เป็น 2-3% จากเดิม -0.5 ถึง 0.3% จากความสำเร็จในการเจรจากับสหรัฐฯ ที่สินค้าไทยจะถูกเรียกเก็บ
ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 19% ลดลงจากที่เคยประกาศไว้ 36% ช่วยให้สินค้าจากไทยไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน
  • รมว.คลัง ระบุว่า ยังตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไว้ที่ปีละ 3-5% ซึ่งหากไม่มีอุปสรรคใด ๆ เพิ่มเติม ก็
จะตั้งเป้าหมายไว้อย่างนั้น ขณะเดียวกัน ก็จำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วยเหมือนที่ตนได้เคยพูดไว้ เพราะหากปัญหาไม่ได้รับ
การแก้ไข โอกาสที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นไปอยู่ในระดับดังกล่าว ก็อาจจะทำได้ลำบาก และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งจาก
ภาครัฐและภาคเอกชนด้วย
  • สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือน ก.ค.68 พบว่า ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ทรง
ตัวที่ระดับ 81.06 นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน
ประเทศ และการปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (NSO) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า ยอดการส่งออกของเวียดนามในเดือนก.
ค. ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 4.227 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าก็เพิ่มขึ้น 17.8% มา
อยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้าในเดือนดังกล่าว 2.27 พันล้านดอลลาร์
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฟื้นฟูเศรษฐกิจและหัวหน้าคณะผู้เจรจาภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น เดินทางถึงสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้วใน

คืนวันอังคาร (5 ส.ค.) เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ ดำเนินการลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของญี่ปุ่นตามที่ตกลงกันไว้โดยเร็วที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ