
จากกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ใน จ.เพชรบูรณ์ รวมตัวปิดถนนบริเวณสี่แยกราหุล อ.บึงสามพัน ในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคารับซื้อข้าวโพดตกต่ำ และการจำกัดปริมาณการรับซื้อจากโรงงาน โดยโยงประเด็นการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ เป็นสาเหตุนั้น
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า ไม่อยากให้เกษตรกรหลงประเด็นว่าราคาข้าวโพดช่วงนี้มีสาเหตุมาจากการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ การเปิดนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ เป็นเพียงการนำเข้ามาทดแทนส่วนที่เคยนำเข้า และยังไม่มีรายละเอียดออกมาที่ชัดเจน และขอย้ำว่า ปัจจุบันยังไม่สามารถนำเข้าได้ กระแสข่าวที่บอกว่ามีการสั่งซื้อ และนำเข้ามาแล้วภายในปีนี้นั้น จึงไม่เป็นความจริง และจะยังไม่มีการนำเข้ามาจนกระทั่งสิ้นปีนี้
"ที่จริงแล้ว การเปิดเข้าเนื้อหมูจะกระทบกับเกษตรกรทั้งข้าวโพด และข้าว ในประเทศด้วย เพราะหากเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเกิดความเสียหาย การผลิตอาหารหมูจะหายไป 6.3 ล้านตัน กระทบกับความต้องการใช้ข้าวโพด 1.3 ล้านตัน ปลายข้าว 1.5 ล้านตัน และมันสำปะหลังเส้น 1 ล้านตัน และการนำเข้ากากถั่วเหลือง จะลดลง 1.2 ล้านตัน ปลาป่นอีก 2 แสนตัน จึงขอเชิญชวนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง มาช่วยกันหาวิธีลดผลกระทบ ย้ำสำคัญกว่าประเด็นราคาตกต่ำ เพราะอาจจะไม่รู้ว่าต้องไปขายใคร" นายพรศิลป์ กล่าวนอกจากนี้ ตนเคยฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สหรัฐฯ กลับไปตกลงกันระหว่างเกษตรกรที่จะส่งออกข้าวโพด กากถั่วเหลือง กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ว่าจะให้นำเข้าสินค้าใด เพราะไม่สามารถนำเข้าทั้ง 2 อย่างได้ อีกประเด็นที่สำคัญ คือ เรื่องสารเร่งเนื้อแดง ที่จะกระทบกับสุขภาพคนไทย ด้วยวิถีการบริโภคที่แตกต่างจากสหรัฐ โดยเฉพาะเครื่องในมีสารตกค้างมากกว่าเนื้อหมู เป็นเรื่องปกติที่ทุกประเทศสามารถนำมาใช้เป็นเหตุผลได้
นายพรศิลป์ กล่าวถึงประเด็นราคาข้าวโพดตกต่ำในช่วงนี้ว่า ช่วงเดือนส.ค.-พ.ย. เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาด เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการใช้อยู่ที่เดือนละ 7.6 แสนตัน ซึ่งจำนวนผลผลิตที่ล้นตลาด จึงส่งผลให้ราคาปรับลดลง
จากรายงานพบว่า ปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์เปิดรับซื้อกว่า 90% ยังเหลืออีก 10% ที่อยู่ระหว่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร และคาดว่าจะเปิดรับซื้อได้ทั้งหมดภายในต้นเดือนก.ย. แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่การชะลอรับซื้อแต่อย่างใด เนื่องจากทุกโรงงานยังต้องซื้อเพื่อรักษาสิทธิ 3:1 ไว้
อย่างไรก็ตาม แม้จะเปิดรับครบทุกโรงงาน ก็ไม่สามารถรองรับปริมาณข้าวโพดในตลาดได้ทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลทราบดี จึงได้มีโครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการออกโครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สำหรับผู้รวบรวม และสถาบันเกษตรกร มาช่วยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ราคาตก
"แปลกใจว่า โครงการนี้ ร้องขอโดยผู้รวบรวมและเกษตรกร แต่มีผู้สมัครเข้ามาในโครงการเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จึงเกิดเป็นคำถามว่า ไม่ได้รับความเดือดร้อนหรืออย่างไร หรือไม่ทราบข่าวว่ามีโครงการ จึงขอเชิญชวนให้สถาบันเกษตรกร และผู้รวบรวมสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อชะลอการขายข้าวโพด และไปขายในช่วงนอกฤดู" นายพรศิลป์ ระบุทั้งนี้ ประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตลอดทั้งปี 9.2 ล้านตัน แต่สามารถผลิตได้เอง เพียง 4.8 ล้านตัน ทำให้มีความจำเป็นต้องนำเข้า และนำเข้าอยู่บนมาตรการกำกับดูแลมากมาย อาทิ มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 ส่วน การกำหนดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดในกรอบ AFTA ซึ่งจะนำเข้าได้แค่ช่วงเดือนก.พ.-ส.ค. เท่านั้น รวมถึงการกำหนดภาษีนำเข้าข้าวโพดจากกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่สูงจนไม่สามารถนำเข้าได้ ทำให้ปศุสัตว์ไทย เสียโอกาสในการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำมาโดยตลอด
ดังนั้น การสร้างข่าวที่ทำให้เกิดความสับสนว่าสาเหตุมาจากการนำเข้า จะทำให้เกษตรกรถูกกดราคามากกว่าที่ควรจะขายได้ ขอให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีความชื้นต่ำ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น และขอให้กระทรวงพาณิชย์ ลงไปตรวจลานรับซื้อว่ามีการหักน้ำหนักความชื้นตามประกาศที่กำหนดหรือไม่
"ในปีที่แล้ว ก็มีการประท้วงลักษณะนี้ แต่ไปประท้วงในช่วงเดือนก.ย. เพราะผลผลิตออกล่าช้าไปออกในช่วงนั้น นี่คือตัวอย่างความไม่แน่นอนของช่วงเวลาการเพาะปลูก และหากย้อนกลับไปอีกหลายปี ก็จะมีข่าวลักษณะนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน และเชื่อว่าปีหน้า และปีต่อไปก็จะมีอีก เพราะเกษตรกรไทยส่วนใหญ่พึ่งพิงน้ำฝน การปรับโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐจะต้องเร่งทำ และตอนนี้ควรออกมาพูดคุยเรื่องการลดผลกระทบเกษตรกร ทั้งข้าวโพดและข้าว จากการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ มากกว่า" นายพรศิลป์ กล่าวอย่างไรก็ดี ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยตลอด 5 ปีหลังสุดพบว่า มีช่วงตกต่ำตามฤดูกาลที่ผลผลิตออก แต่ไม่เคยต่ำกว่า 8.50 บาท/กก. และสูงกว่าราคาตลาดโลกโดยตลอด