นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า มาตรการอัตราค่ารถไฟฟ้าสูงสุดไม่เกิน 20 บาท หรือ 20 บาทตลอดสาย จำเป็นต้องเลื่อนจากกำหนดวันที่ 1 ต.ค.68 ออกไปเป็นวันที่ 15 พ.ย.68 สาเหตุหลัก นอกจากต้องพ.ร.บ. พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และ 2. พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ประกาศใช้ก่อน แล้ว ยังจะต้องมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานกับเอกชนด้วย
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่ง บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM] เป็นผู้รับสัมปทาน , รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีบมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) เป็นผู้รับสัมปทาน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS], รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง มี บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) และ สัมปทานรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู มีบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน ซึ่ง EMB และ NBM เป็นบริษัทร่วมทุนของ BTS ให้เรียบร้อยก่อนด้วย
นายสุริยะ กล่าวว่า เหตุที่ต้องการเจรจากับเอกชนผู้รับสัมปทาน เนื่องจากมีประเด็นกรณีผู้โดยสารจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งในส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีการเจรจากับ BEM แล้วว่าจะให้เพิ่มส่วนแบ่งรายได้ 25% เข้ากองทุนตั๋วร่วม จากก่อนหน้านี้จะใช้วิธีบริจาคเข้ากองทุน แต่เนื่องจากเมื่อกองทุนรับและต้องจ่ายออกไปชดเชยเอกชน และเพื่อให้มีความชัดเจนกับสัญญาและไม่เกิดปัญหาในอนาคต จึงต้องมีการแก้ไขสัญญาให้ชัดเจน
เบื้องต้น รฟม.ได้ทำกรอบระยะเวลาดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทานไว้คือ จะสรุปประเด็นการแก้ไขสัญญาเสนอกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 31 ส.ค.68 เสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.พิจารณาการแก้ไขสัญญา วันที่ 9 ก.ย.68 จากนั้นจะเสนอคณะกรรมการกำกับสัญญา ตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯพ.ศ. 2562 ในวันที่ 16 ก.ย. 68 และส่งร่างแก้ไขสัญญา ให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ ซึ่งตามขั้นตอนจะมีกรอบเวลาไม่เกิน 45 วัน หรือไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.68 จากนั้นเสนอคณะกรรมการ PPP และครม.อนุมัติการแก้ไขสัญญาประเมินว่า จะแล้วเสร็จทุกขั้นตอนใน 15 พ.ย.68
นายสุริยะ กล่าวว่า ประเด็นแก้ไขสัญญาสัมปทานเรื่องการจ่ายส่วนแบ่งรัฐเพิ่มตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น จะไม่กระทบกับส่วนแบ่งรายได้ 15% ตามสัญญาเดิมของสัมปทาน แต่เป็นการแบ่งรายได้ส่วนที่เพิ่ม โดยนำค่าเฉลี่ยการเติบโตของผู้โดยสารย้อนหลัง 5 ปีมาประเมิน ซึ่งทาง รฟม.ได้เจรจากับ BEM แล้ว
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางราง ประสานกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งเจรจากับ BTS ซึ่งก็มีขั้นตอนตามพ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ เช่นกัน ซึ่งคณะกรรมการกำกับสัญญา สายสีเขียว มีรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน
นายสุริยะ กล่าวว่า ส่วนรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง ซึ่งปัจจุบันใช้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นปีที่ 2 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 จะยังคงใช้ได้ต่อเนื่อง เพราะมติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนก.ค. 68 มีการปรับเวลาในการดำเนินนโยบายรถไฟฟ้าไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย ให้ดำเนินมาตรการสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 69 ตรงกันทุกสาย กรณีที่สายอื่นยังเริ่มดำเนินการไม่ได้เนื่องจากต้องรอ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯและพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จึงไม่กระทบกับ สายสีแดงและสีม่วง ซึ่งยืนยันว่ายังคงใช้ราคาเดิม ซึ่งประชาชนยังคงใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอกราบขอโทษประชาชน ซึ่งภายหลังจากนี้กระทรวงฯ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอย่างแน่นอน"นายสุริยะ กล่าว