ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติอนุมัติเลื่อนการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างที่เดิมกำหนดให้เริ่มจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.68 ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค. 69
กระทรงแรงงาน ระบุว่าเนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การขึ้นภาษีทางการค้าของสหรัฐอเมริกา การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตลอดจนสถานการณ์ความตึงเครียดจากความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งยังไม่มีข้อยุติที่แน่ชัด ส่งผลให้สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบต้องปรับตัวและเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อลูกจ้างและนายจ้างโดยตรง ดังนั้น จึงสมควรเลื่อนระยะเวลาการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบดังกล่าวเพื่อคงไว้ซึ่งการจ้าง บรรเทาและลดภาระทางการเงินของนายจ้างและลูกจ้างจากภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี อัตราเงินสะสมและเงินสมทบที่จะเก็บจากลูกจ้างและนายจ้างยังคงเดิม คือ ในระยะ 5 ปีแรก (1 ต.ค.69 30 ก.ย.74) ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย) ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 0.25% ของค่าจ้าง และตั้งแต่ 1 ต.ค. 74 เป็นต้นไป ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย) ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตรา 0.5% ของค่าจ้าง ในขณะเดียวกันหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบดังกล่าวก็ยังคงเดิมด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเห็นชอบด้วยแล้ว