นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ "คนละครึ่ง" ที่รัฐบาลชุดใหม่มีแนวคิดจะทำได้รับเสียงชื่นชมและตอบรับอย่างกว้างขวาง เพราะรัฐบาลยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ได้ตั้งเป้าลอกเลียนแบบนโยบายของพรรคการเมืองใด แต่หากนโยบายใดของรัฐบาลชุดก่อน ๆ มีประโยชน์ก็พร้อมจะเดินหน้าสานต่อ
"ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากรัฐบาลทักษิณ หรือโครงการคนละครึ่งจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เราก็พร้อมเดินหน้าต่อ เพราะประชาชนได้ประโยชน์" นายอนุทิน กล่าวสำหรับแนวทางปรับปรุงโครงการ "คนละครึ่ง" นายอนุทิน ระบุว่า ได้หารือกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โดยมีข้อเสนอให้เปลี่ยนสัดส่วนการสนับสนุนเป็น 60:40 สำหรับกลุ่มผู้เสียภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติม ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกระบบภาษียังคงได้รับสิทธิ 50:50 ตามเดิม
"ถือเป็นไอเดียที่คุณเอกนิติ เสนอมา ซึ่งผมเห็นด้วย และได้สั่งให้ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง รัฐบาลมั่นใจว่าโครงการจะเดินหน้าได้ภายใน 4 เดือน และงบประมาณพร้อม กระเป๋ารัฐยังมีอยู่" นายอนุทิน กล่าวส่วนการสานต่อนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ของรัฐบาลเพื่อไทย นายอนุทิน ระบุว่า เป็นโครงการที่มีประโยชน์ แต่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนไม่ใช่การกำหนดราคาต่ำแล้วใช้งบประมาณชดเชยการขาดทุนทุกปี เพราะจะกระทบต่อวินัยการคลัง อีกทั้งไม่สามารถซื้อกิจการเอกชนที่ลงทุนไปแล้วได้ เนื่องจากผู้ลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยง
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่ รมว.คมนาคม กล่าวถึงนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า ยังไม่ได้ลงไปดูในรายละเอียดเลย ต้องรอให้ได้รับโปรดเกล้าฯ ก่อนจึงจะเข้าไปหารือกับผู้เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาสมาคมภัตตาคารไทย และแพลตฟอร์ม LINE Man, Grab และวงใน ได้เข้านายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการ "คนละครึ่ง" โดยเสนอให้เพิ่มวงเงินการใช้สิทธิ์ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิมที่กำหนดการใช้จ่ายอยู่ที่ 150 บาทต่อวัน นอกจากนี้ภาคเอกชนมีข้อกังวลเรื่องเก็บภาษีย้อนหลัง เพราะก่อนหน้านี้ที่เข้าโครงการคนละครึ่งเคยประสบปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
โดยนายสิริพงศ์ กล่าวว่า จะนำเสียงสะท้อนดังกล่าวเข้าไปหารือ ในที่ประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคอีกครั้ง และจะรายงานต่อนายอนุทินต่อไป