บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ระบุว่า ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงการคลัง (ฉบับใหม่) เรื่อง "กำหนดให้นิติบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อแก่ภารธุระอุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นสถาบันการเงิน" เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 โดยกำหนดให้นิติบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในประกาศนี้ เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินจำนวนมากขึ้น
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน และปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย Micro SMEs โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ มียอดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงิน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ที่ผ่านมา บสย. จึงได้เดินหน้าผลักดันการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เพื่อเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อ Credit Guarantee ให้กับกลุ่มรายย่อย Micro SMEs และกลุ่มอาชีพอิสระที่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ หรือขาดคนค้ำประกันสินเชื่อ ให้ครอบคลุมไปยังผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย อาชีพอิสระ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากยิ่งขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย.
ทั้งนี้ จากประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว ช่วยให้ บสย. ขยายขอบเขตการช่วยเหลือ SMEs รายย่อย อาชีพอิสระได้กว้างขึ้น จากเดิมกำหนดให้ บสย. สามารถค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank ที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินเท่านั้น (สถาบันการเงินถือหุ้นไม่ต่ากว่า 50%) ซึ่งมีจำนวนผู้ให้บริการเพียงกว่า10 ราย สู่การค้ำประกันสินเชื่อ Non-Bank ที่ไม่ใช่บริษัทลูกของสถาบันการเงิน ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทั้ง 2 กลุ่มหลัก ดังนี้
1.กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจตามประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือกลุ่ม "นาโนไฟแนนซ์" ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศกว่า 70 ราย
2.กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นการค้าปกติ แต่ไม่รวมถึงสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ประกอบด้วย ลีสซิ่งของบริษัทรถยนต์และลีสซิ่งกลุ่ม Non-Bank ซึ่งมีมากกว่า 30 ราย และมีสัดส่วนการให้สินเชื่อสำหรับการเช่าซื้อรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ถึง 60%
นายสิทธิกร กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายของประกาศกระทรวงฉบับใหม่ มุ่งช่วย SMEs รายย่อย และกลุ่มอาชีพอิสระให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ Credit Guarantee ของ บสย. เพื่อนำไปประกอบอาชีพหรือต่อยอดธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อที่เป็นธรรมภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และเข้าถึงสินเชื่อแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะช่วยให้ SMEs ที่ต้องใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ เช่น เกษตรกร ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งสินค้า ค้าขาย ฟู้ดทรัค เป็นต้น สามารถพลิกฟื้นธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจฐานรากและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
นอกจากนี้ ภายใต้กลไกค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ยังมีมาตรการแก้หนี้ "บสย. พร้อมช่วย" เพื่อช่วยลูกหนี้ SMEs รายย่อยทุกกลุ่มที่ถือหนังสือค้ำประกัน บสย. และถูกจ่ายเคลม เนื่องจากประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้จนกลายเป็นหนี้เสีย หรือในรายที่รถกระบะถูกยึดขายทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้วและไฟแนนซ์พิจารณาส่งยอดหนี้คงเหลือมาเคลมกับ บสย. ก็สามารถเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้ "บสย. พร้อมช่วย" (มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เน้นการยืดหนี้ ผ่อนยาวสูงสุด 7 ปี ดอกเบี้ย 0% ตัดเงินต้นก่อนตัดดอก และสามารถปลดหนี้ มีส่วนลดเงินต้นสูงสุด 50% สำหรับลูกหนี้ "กลุ่มเปราะบาง" ที่เงินต้นไม่เกิน 2 แสนบาท เพื่อช่วยให้ SMEs รายย่อยที่ถูกจ่ายเคลมหนังสือค้ำประกัน สามารถอยู่รอด อยู่ได้และปลดหนี้ได้เร็วขึ้น พร้อมฟื้นฟูธุรกิจผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. F.A. Center) ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บสย. อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank ทั้ง 2 กลุ่มข้างต้น ให้สามารถใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ Credit Guarantee ในทุกโครงการ PGS และทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ บสย. โดยคำนึงถึงความมั่นคงทางการเงินและความเสี่ยงของผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank เป็นสำคัญ ซึ่งจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ออกมาภายในเร็วๆ นี้