คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง พร้อมด้วย กมธ.การกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา เปิดเผยถึงกรณีการอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า โดยนายพละวัต ตันศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกกรรมการการเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า จากการติดตามมาตรการการปราบปรามภัยร้ายทางออนไลน์ โดยเฉพาะการจัดการบัญชีม้า ถือเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายต่อประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศ ได้เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนผู้สุจริต ที่มีธุรกรรมทางการเงินที่ซับซ้อน ทำให้เกิดข้อจำกัดและความเดือดร้อนในการทำมาค้าขาย
สำหรับการอายัดบัญชีที่เกิดขึ้นนั้น แม้จะอายัดอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดยั้งการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แต่ในหลายกรณีทำให้บัญชีของผู้สุจริตที่อาจถูกนำไปใช้โดยไม่รู้ตัวถูกอายัดไปด้วย ส่งผลกระทบต่อการค้าขายและสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง เพราะขั้นตอนการขอคืนบัญชียุ่งยาก เมื่อถูกอายัดแล้วการขอคืนบัญชีมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนได้ทันที ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ
ขณะที่ความไม่ชัดเจนของเกณฑ์การบังคับใช้ การขาดเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกันในการบังคับใช้ ทำให้เจ้าหน้าที่แต่ละรายอาจใช้ดุลยพินิจที่แตกต่างกัน ในระดับของความเสียหาย จึงสร้างความไม่แน่นอนและข้อกังวลให้แก่ผู้ประกอบการ
ดังนั้น กมธ.การเศรษฐกิจฯ และ กมธ.การกฎหมายฯ ที่ได้ทำงานร่วมกัน จึงเสนอการแก้ปัญหาแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
1. ระยะสั้น ควรมีการกำหนดเกณฑ์การพิจารณาบัญชีม้าที่ชัดเจน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่ใช่พิจารณาเพียงแค่จำนวนบัญชีที่เปิดหรือความถี่ในการโอนเงินเท่านั้น
2. ระยะกลาง ควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
3. ระยะยาว ควรสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับแจ้งและตรวจสอบบัญชีม้า เสนอให้จัดทำฐานข้อมูลกลางของบัญชีต้องสงสัย และควรพัฒนาระบบที่ช่วยให้ผู้ที่ถูกอายัดบัญชีสามารถยื่นคำร้องและชี้แจงข้อมูลได้