ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.35 แข็งค่าจากช่วงเช้าตามภูมิภาค จับตาชัตดาวน์สหรัฐฯ-ราคาทอง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 1, 2025 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.35 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า ตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค หลังจากดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงมาก จาก ความกังวลต่อกรณี Government Shutdown ของสหรัฐฯ โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.29-32.53 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้บาทแข็งตามภูมิภาค หลังงบประมาณสหรัฐฯ ไม่ผ่าน ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปมาก" นักบริหารเงิน ระบุ

โดยในช่วงนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ว่า 2 พรรคการเมืองของสหรัฐฯ จะสามารถตกลงผ่านงบ ประมาณไปได้หรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตาม flow ทองคำอย่างต่อเนื่อง

ส่วนคืนนี้ ตลาดรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ย. จาก ISM

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.11 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.12 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1733 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,275.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด (+0.07%) มูลค่าซื้อขาย 35,487.18 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,376.44 ล้านบาท
  • รมว.คลัง คาด โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค ในโครงการ คนละครึ่งพลัส และการเติมเงินเพิ่มในบัตร
สวัสดิการแห่งรัฐ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.4% จากที่ไม่มีโครงการ ประกอบกับจะมีการกระตุ้นท่องเที่ยวเมือง
รอง เร่งรัดการเบิกจ่ายของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโตเพิ่มขึ้นใกล้เคียง 0.7% ซึ่งมั่นใจว่าผล
รวมของทุกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะทำให้ไตรมาส 4/68 GDP ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 1%
  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 68 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 1.8-2.2%
หากสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามแผน รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของต่างชาติในปีนี้ ให้ไปแตะ 34 ล้านคน ประกอบ
กับโครงการคนละครึ่งพลัส และการสนับสนุน SMEs ก็จะยิ่งเป็นแรงหนุนสำคัญให้เศรษฐกิจไทยเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ 2.5% ได้
  • ฟิทช์ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลที่ "BBB+" ของไทยมาเป็นลบ จาก "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" ซึ่งสะท้อน
ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อฐานะการคลังของประเทศ จากความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่ยืดเยื้อ ประกอบกับอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอตัวลง
การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ล่าช้า และการลดระดับหนี้ครัวเรือน และสถานะทางการคลังที่ปรับตัวด้อยลง
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า จากสถานการณ์ Government shutdown ของสหรัฐฯ ในขณะนี้ ยังไม่เห็น
การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในตลาดการเงินไทย โดย ธปท.จะติดตามความคืบหน้าการเจรจากฎหมายงบประมาณของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
พร้อมแนะนำให้ผู้ประกอบการ และนักลงทุน บริหารความเสี่ยงจากความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และตลาดการเงิน
  • หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์ อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (1 ต.ค.) ซึ่ง
จะเป็นการปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี และครั้งที่ 3 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า คณะกรรมการเฟด ควรใช้ความระมัดระวังในการพิจารณา
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย และตลาดแรงงานค่อนข้างมีความสมดุล
  • หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำยุโรปของสวิส รี (Swiss Re) บริษัทประกันของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า สวิตเซอร์
แลนด์จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยผลกระทบนี้จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2569
  • โกลด์แมน แซคส์ เผย ภูมิภาคเอเชียไม่รวมจีน ดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่าน

มา เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกกระจายความเสี่ยงออกจากสหรัฐฯ โดยกระแสเงินทุนนี้ ควรถูกมองว่าเป็นการกระจายการลงทุน ไม่ใช่การ

ถอนทุน โดยญี่ปุ่นเป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ