นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.35 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากช่วงเช้า ตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค หลังจากดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงมาก จาก ความกังวลต่อกรณี Government Shutdown ของสหรัฐฯ โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.29-32.53 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทแข็งตามภูมิภาค หลังงบประมาณสหรัฐฯ ไม่ผ่าน ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปมาก" นักบริหารเงิน ระบุโดยในช่วงนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ว่า 2 พรรคการเมืองของสหรัฐฯ จะสามารถตกลงผ่านงบ ประมาณไปได้หรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตาม flow ทองคำอย่างต่อเนื่อง
ส่วนคืนนี้ ตลาดรอดูการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.ย. จาก ISM
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.11 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.12 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1730 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1733 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,275.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด (+0.07%) มูลค่าซื้อขาย 35,487.18 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,376.44 ล้านบาท
- รมว.คลัง คาด โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค ในโครงการ คนละครึ่งพลัส และการเติมเงินเพิ่มในบัตร
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 68 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 1.8-2.2%
- ฟิทช์ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลที่ "BBB+" ของไทยมาเป็นลบ จาก "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ" ซึ่งสะท้อน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า จากสถานการณ์ Government shutdown ของสหรัฐฯ ในขณะนี้ ยังไม่เห็น
- หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้เริ่มปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์ อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (1 ต.ค.) ซึ่ง
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า คณะกรรมการเฟด ควรใช้ความระมัดระวังในการพิจารณา
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำยุโรปของสวิส รี (Swiss Re) บริษัทประกันของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า สวิตเซอร์
- โกลด์แมน แซคส์ เผย ภูมิภาคเอเชียไม่รวมจีน ดึงดูดเงินทุนไหลเข้าได้ราว 1 แสนล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่าน
มา เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกกระจายความเสี่ยงออกจากสหรัฐฯ โดยกระแสเงินทุนนี้ ควรถูกมองว่าเป็นการกระจายการลงทุน ไม่ใช่การ
ถอนทุน โดยญี่ปุ่นเป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างมาก