ธปท. ทำจม.เปิดผนึกถึงคลัง แจงแม้เงินเฟ้อ 12 เดือนหลุดเป้าแต่ไม่เข้าภาวะเงินฝืด คาดกลับเข้ากรอบ Q1/70

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 14, 2025 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธปท. ทำจม.เปิดผนึกถึงคลัง แจงแม้เงินเฟ้อ 12 เดือนหลุดเป้าแต่ไม่เข้าภาวะเงินฝืด คาดกลับเข้ากรอบ Q1/70

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. และประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ทำจดหมายเปิดผนึก เมื่อวันที่ 29 ก.ย.68 ถึง รมว.คลัง เพื่อชี้แจงกรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือน อยู่ในระดับต่ำกว่าของล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ที่ 1-3%

โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.68 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของเดือนก.ค.68 ที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์ อยู่ที่ -0.7% ทำให้อัตราเงินเฟ้อที่ไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ส.ค.67-ก.ค.68) อยู่ที่ 0.5% ประกอบกับในรายงานนโยบายการเงิน ไตรมาส 2/2568 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ส.ค.68-ก.ค.69) จะอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน

ดังนั้น กนง.จึงขอชี้แจงใน 3 ประเด็น ได้แก่

1. เงินเฟ้อที่ต่ำ และนัยต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา

2. บทบาทของนโยบายการเงิน ในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน

3. แนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า และระยะเวลาที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย

1. เงินเฟ้อที่ต่ำ และนัยต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา

- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายจากปัจจัยด้านอุปทาน ในหมวดพลังงาน และอาหารสดเป็นสำคัญ โดยราคาพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก จากค่าเฉลี่ย 12 เดือนก่อนหน้าที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพผ่านการลดค่าไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ราคาสินค้าในหมวดพลังงงาน หดตัวที่ -1.7% ส่วนราคาอาหารสด ขยายตัวในระดับต่ำที่ 0.6% จากผลของราคาผักลดลง ตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับผลของฐานสูงในปีก่อน จึงทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือน อยู่ที่ 0.5%

- อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ทรงตัวอยู่ที่เฉลี่ย 0.9% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากการที่ผู้ประกอบการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาขายไม่มาก เพราะราคาพลังงานปรับลดลง นอกจากนี้ การที่เงินเฟ้อพื้นฐานไม่เร่งขึ้น ส่วนหนึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวช้า จากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต ที่เผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ และปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นตัวสะท้อนความท้าทายในการผลิต แต่ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้า

- ปัจจุบัน ยังไม่มีสัญญาณความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งการจับจ่ายใช้สอยในภาพรวมแม้จะชะลอลงบ้าง แต่ยังเติบโตได้ ประกอบกับการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะปานกลางของสาธารณชน ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย อีกทั้งไม่เห็นสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ จะนำไปสู่การปรับลดคาจ้าง โดยค่าจ้างแรงงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังขยายตัวที่ 4.6% และแม้อัตราเงินเฟ้อยู่ในระดับต่ำ แต่ค่าครองชีพของประชาชนยังทรงตัวในระดับสูง

"ดังนั้น ในบริบทปัจจุบันที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย โดยรายได้เติบโตช้า ภาคครัวเรือนถูกกดดันจากภาระหนี้ และภาคธุรกิจยังเผชิญต้นทุนในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ จึงมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน และช่วยรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของภาคธุรกิจได้"

2. บทบาทของนโยบายการเงิน ในการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน

ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น (Flexible Inflation Targeting) กนง. มุ่งดูแลเสถียรภาพด้านราคา ควบคู่ไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพ และเสถียรภาพระบบการเงิน ทั้งนี้ กนง.ได้ชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินทั้งในระยะสั้น และระยะยาว และพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้งในปี 2568 รวม 0.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ที่ 1.50% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลง และมีความเสี่ยงด้านต่ำมากขึ้นเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าขอบเป้าหมาย ไม่ได้สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพด้านราคา และไม่ได้สะท้อนภาวะเงินฝืด และไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจชะลอลง

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.ในช่วงที่ผ่านมา จึงเพื่อให้ภาวะการเงินผ่อนคลาย สอดคล้องกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยลดภาระดอกเบี้ยของภาคธุรกิจ และครัวเรือนลงได้บ้าง และหากเทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมา ไม่ได้ช้า หรือน้อยเกินไป (behind the curve)

นอกจากนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มากกว่าในปัจจุบัน ไม่ได้ช่วยให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปทาน ซึ่งนโยบายการเงินไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง อีกทั้งความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ายังอยู่ในระดับสูง การรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (Policy Buffer) จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้นโยบายการเงินสามารถสนองตอบต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ

"ในบริบทที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย การใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องมือเชิงนโยบายอื่น (Integrated Policy) มาช่วยตอบโจทย์อย่างตรงจุด จะช่วยให้การดำเนินนโยบายการเงินมีประสิทธิผล และลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์"

3. แนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า และระยะเวลาที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย

ในระยะข้างหน้า กนง.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะ แต่ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้น และทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงินได้ในไตรมาส 1/2570 ตามราคาน้ำมันดิบที่ไม่ได้ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์และอุปทานในตลาดน้ำมันที่จะสมดุลขึ้น

"กนง. จะติดตามพัฒนาการของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลาง ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป จนกระทบต่อเศรษฐกิจ และสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมในการแข่งขัน และลงทุน"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ