GDP เกษตร Q3/68 โต 1.4% คาดทั้งปี 2.3-3.3% จับตาอากาศแปรปรวน-มาตรการการค้า-อัตราแลกเปลี่ยน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 27, 2025 13:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

GDP เกษตร Q3/68 โต 1.4% คาดทั้งปี 2.3-3.3% จับตาอากาศแปรปรวน-มาตรการการค้า-อัตราแลกเปลี่ยน

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาสที่ 3/68 (ก.ค.-ก.ย. 68) ขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 67 โดย ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการบริหารจัดการน้ำที่ดี ประกอบกับปริมาณฝนที่ตกอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี ส่งผลให้ปริมาณน้ำใน อ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตร

โดยสถานการณ์ดังกล่าวเอื้อให้เกษตรกรสามารถขยายพื้นที่เพาะปลูกในที่ดินซึ่งเคยปล่อยว่าง อีกทั้งยังมีการบำรุงดูแลรักษา และเฝ้าระวังโรคระบาดในพืชและสัตว์อย่างเข้มงวดมากขึ้น แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว บางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเผชิญกับอิทธิพลของพายุ "วิภา" และ "คาจิกิ" ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน แต่ด้วยการเตรียมความพร้อมและมาตรการรับ มือที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายในวงจำกัด

GDP เกษตร Q3/68 โต 1.4% คาดทั้งปี 2.3-3.3% จับตาอากาศแปรปรวน-มาตรการการค้า-อัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ จากปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ส่งผลให้สาขาพืช ขยายตัว 2.9% ตามมาด้วย สาขาป่าไม้ ขยายตัว 1.7% และสาขา บริการทางการเกษตร ขยายตัว 1.2% ขณะที่สาขาปศุสัตว์ กลับมาขยายตัวเล็กน้อย 0.2% ส่วนสาขาประมง ยังคงหดตัว 5.3%

ตารางอัตราการเติบโตของภาคเกษตร (หน่วย: ร้อยละ)

สาขา ไตรมาส 3/68 (ก.ค.-ก.ย. 68) ภาคเกษตร 1.4 พืช 2.9 ปศุสัตว์ 0.2 ประมง -5.3 บริการทางการเกษตร 1.2 ป่าไม้ 1.7 ที่มา: กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร สศก. (ประมาณการ ณ เดือนต.ค. 68) *สาขาพืช ขยายตัว 2.9% เนื่องจากสภาพอากาศและปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตต่อไร่และภาพรวมผลผลิตของพืชหลายชนิดเพิ่มขึ้น โดยพืชสำคัญ ที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ได้แก่ - ข้าวนาปี และข้าวนาปรัง โดยปริมาณน้ำมีเพียงพอในช่วงการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของต้นข้าว - ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนมาปลูกทดแทนมันสำปะหลังที่ราคาลดลงและประสบปัญหาโรคใบด่าง - สับปะรดปัตตาเวีย ต้นสับปะรดมีความสมบูรณ์ สามารถบังคับให้ออกผลได้ดีกว่าปีก่อน - ยางพารา ต้นยางส่วนใหญ่อยู่ในช่วงที่ให้ผลผลิตสูง - ทุเรียน และลำไย ราคาอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาและขยายพื้นที่ปลูก โดยเฉพาะทางภาคใต้ - เงาะ สภาพอากาศทางภาคตะวันออกเอื้ออำนวยต่อการออกดอกติดผล ส่วนพืชที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ - มันสำปะหลัง ซึ่งแหล่งผลิตสำคัญยังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคใบด่าง - ปาล์มน้ำมัน ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนทางภาคใต้ ทำให้ทะลายปาล์มไม่สมบูรณ์ - มังคุด เกษตรกรโค่นต้นมังคุดเก่าเพื่อปรับเปลี่ยนไปปลูกทุเรียนและไม้ผลอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า *สาขาปศุสัตว์ ขยายตัว 0.2% จากการควบคุมมาตรฐานฟาร์มที่ดี และการขยายการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด - สุกร ผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการปรับเพิ่มการเลี้ยงตั้งแต่ไตรมาส 1/68 - ไก่เนื้อ เพิ่มขึ้นจากการที่ผู้บริโภคหันมาบริโภคเนื้อไก่มากขึ้นเพื่อทดแทนเนื้อสุกรที่มีราคาค่อนข้างสูง - น้ำนมดิบ ปริมาณและคุณภาพเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงพันธุ์โคนมและพัฒนาสูตรอาหารสัตว์อย่างต่อเนื่อง - ไข่ไก่ ลดลงเนื่องจากมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาที่ขอความร่วมมือเกษตรกรให้ปลดไก่ตามอายุที่เหมาะสม ประกอบกับ สภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแม่ไก่ ทำให้ผลผลิตไข่ไก่ลดลง *สาขาประมง หดตัว 5.3% - ปลานิลและปลาดุก ผลผลิตลดลง เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารสัตว์ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ราคาขายปรับตัวลดลง ไม่จูง ใจให้เกษตรกรลงลูกพันธุ์ปลาเพิ่ม - กุ้งขาวแวนนาไม ที่ผลผลิตลดลงจากสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยง ทำให้กุ้งเจริญเติบโตช้าและ เกิดปัญหาการตายเฉียบพลัน - สัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าเทียบเรือ มีปริมาณลดลง เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักยัง คงอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ลดจำนวนเที่ยวการออกเรือจับสัตว์น้ำ *สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัว 1.2% เนื่องจากการขยายเนื้อที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้กิจกรรมการ จ้างบริการเครื่องจักรกลเพื่อเตรียมดินและเก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย *สาขาป่าไม้ ขยายตัว 1.7% - ไม้ยูคาลิปตัส เพิ่มขึ้นตามความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตเยื่อกระดาษในประเทศ และการส่งออกไปยังจีนและญี่ปุ่น - ถ่านไม้ เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดจีน ศรีลังกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ - รังนก เพิ่มขึ้นเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกไปจีน - ไม้ยางพารา ลดลงตามเป้าหมายการตัดโค่นสวนยางเก่าเพื่อปลูกทดแทนของภาครัฐ - ครั่ง ลดลงจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต *แนวโน้มปี 68 โต 2.3-3.3% สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรตลอดทั้งปี 68 สศก. คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.3-3.3% โดยมีปัจจัยหนุนจาก ปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการเพาะปลูกตลอดทั้งปี และการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ การเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ การควบคุมโรคระบาดในพืชและสัตว์ และการส่ง เสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการผลิตและคุณภาพสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อาทิ ความแปรปรวนของสภาพอากาศที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ราคาปัจจัยการผลิตหลายชนิดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ มาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น และ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลต่อภาคการส่งออกและราคาสินค้าเกษตรในประเทศ ทั้งนี้ สศก. มีกำหนดจะจัดสัมมนาเพื่อนำเสนอภาพรวมภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 68 และแนวโน้มในปี 69 ในช่วง กลางเดือนธ.ค. 68 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะได้แจ้งกำหนดการให้ทราบอีกครั้ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ