ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.36 แข็งค่าจากช่วงเช้าตามราคาทองขยับขึ้น คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.30-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 6, 2025 17:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.36 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 32.50 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ระหว่างวันอยู่ในกรอบ 32.35-32.48 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก flow ทองคำเป็นสำคัญ โดยระหว่างวันราคาทองคำยังทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น

"เงินบาทแข็งค่าจาก flow ทองคำ ที่ระหว่างวันราคาทองยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนสกุลเงินในภูมิภาควันนี้มีทั้งอ่อนค่า และแข็ง ค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ" นักบริหารเงิน ระบุ

ส่วนคืนนี้ ตลาดติดตามมติดอกเบี้ยจากผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งตลาดมองก้ำกึ่งว่ามีโอกาสทั้งที่ BoE จะ ลดดอกเบี้ย และอีกส่วนมองว่ามีโอกาสจะคงดอกเบี้ย พร้อมกันนี้ ต้องติดตามว่าคืนนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาประกาศเซอร์ไพร์สใน เรื่องใด

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 153.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 153.84 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.151 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.150 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,313.31 จุด เพิ่มขึ้น 18.02 จุด (+1.39%) มูลค่าซื้อขาย 38,139.64 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 851.53 ล้านบาท
  • ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในเดือนพฤศจิกายน 2568 มีแนวโน้มเคลื่อนไหว
ผันผวน ประเมินกรอบราคาทองคำในเดือนนี้อยู่ที่ 3,820-4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเศรษฐกิจและภูมิรัฐ
ศาสตร์ที่สำคัญ อาทิ ปัจจัยทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รัฐบาลจีนประกาศ
ยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีทองคำ และความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง
  • รมว.คลัง มั่นใจเศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มอย่างแน่นอน จากเดิมที่คาดว่าไตรมาส 4/68 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้
เพียง 0.3% เท่านั้น แต่ขณะนี้มั่นใจว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1% ส่งผลให้ทั้งปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เกิน 2% แน่นอน
  • สื่อต่างประเทศรายงานว่า "กัมพูชา" กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ฝากทองคำสำรองกับประเทศจีน ซึ่งถือ
เป็นความสำเร็จเบื้องต้นในความพยายามของจีนที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทองคำระดับโลก แข่งกับศูนย์กลางดั้งเดิมอย่าง สวิตเซอร์แลนด์
สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
  • นักลงทุนในตลาดปรับลดคาดการณ์ที่ว่า ศาลฎีกาสหรัฐฯ จะตัดสินรับรองมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ หลังจากคณะผู้พิพากษาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากร ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เรียกเก็บจากประเทศต่าง
ๆ ทั่วโลก ในระหว่างการพิจารณาคดีเมื่อวันพุธ (5 พ.ย.)
  • กระทรวงพาณิชย์จีน ส่งสัญญาณถึงโอกาสในการเจรจาข้อตกลงการค้าหรือการลงทุนฉบับใหม่ กับสหภาพยุโรป (EU) พร้อม
รื้อฟื้นแนวคิดเกี่ยวกับข้อตกลงลักษณะเดียวกับฉบับเดิม ที่ถูกระงับการให้สัตยาบันไปเมื่อปี 2564
  • รัฐบาลญี่ปุ่น เตรียมแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการค้าต่างประเทศ (Foreign
Exchange and Foreign Trade Act - FEFTA) ในปีหน้า เพื่อทำให้กระบวนการตรวจสอบการลงทุนจากต่างประเทศมีความรวดเร็ว
ขึ้น และสามารถประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ธนาคารกลางบราซิล มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Selic rate) ไว้ที่ระดับ 15% ซึ่งนับเป็นการตรึง
อัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.49 โดยการตัดสินใจดังกล่าว สอดคล้องกับที่บรรดานัก
เศรษฐศาสตร์คาดการณ์
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของอินเดียจาก HSBC ประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 58.9
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 60.9 ในเดือนก.ย. โดยมีสาเหตุจากแรงกดดันด้านการแข่งขันในภาคบริการและฝนที่ตก
หนักซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
  • คืนพรุ่งนี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย. และ การคาด

การณ์เงินเฟ้อเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ