เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยจะมีผลบังคับใช้หลัง 60 วัน นับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
นับเป็นการกลไกการออมครั้งใหญ่ของประเทศ ผ่าน สลาก กอช. หรือที่เรียกกันว่า "หวยเกษียณ" เปิดโอกาสให้คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ออมพร้อมลุ้นโชค!
หวยเกษียณ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ใช้แรงจูงใจจากการลุ้นโชคเพื่อให้เกิดการออม หลักการสำคัญคือ ทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ซื้อหวย จะถูกเก็บเป็นเงินออม 100% หากไม่ถูกรางวัล
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย มีนโยบาย "สลากเพื่อการออม" ภายใต้แนวคิด Quick Big Win กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว เพื่อเร่งเป้าการออมเช่นกัน หลักการคือการใช้สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก (L6) แบบดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" โดยผู้ซื้อที่ไม่ถูกรางวัล จะถูกหักเงินสะสมเข้าเป็นเงินออมเพื่อใช้ในวัยเกษียณ
ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือข้อสรุปเรื่องเพดานการคืนเงิน (cash back) โดยการคำนวณการคืนเงินดังกล่าว จะคิดจากสัดส่วนของค่าใช้จ่ายและบริหารของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งปัจจุบัน มีสัดส่วนอยู่ที่ 17% โดยในสัดส่วนนี้ ประกอบด้วยส่วนลดสำหรับตัวแทน 12-14% และค่าบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯ อีกราว 3-5%
สำนักข่าว "อินโฟเควสท์" รวบรวมรายละเอียด ระหว่าง "หวยเกษียณ-สลากการออม" แบบไหน จะจูงใจกว่ากัน?
หวยเกษียณ vs สลากการออม
ไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 นโยบายนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมให้คนไทยที่กำลังเข้าสู่ภาวะสูงวัย ขณะที่การออมมีไม่เพียงพอ แต่ "หวยเกษียณ" ขณะนี้มีความชัดเจนในด้านกฎหมายมากกว่า ทำให้เชื่อว่าโครงการจะไม่ถูกยกเลิกเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ส่วน "สลากเพื่อการออม" นั้น มีความเสี่ยงที่จะเป็นเพียงโครงการระยะสั้น แต่คำตอบสุดท้าย ถือเป็นนโยบายที่ต้องการสร้างวินัยให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมมาออมอย่างยั่งยืน