พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่อาจส่งผลต่อภาคแรงงานในระยะยาว โดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันเวลา อาจส่งผลให้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิดชะลอตัว ภาคเอกชนอาจเผชิญต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น และความเสี่ยงต่อการย้ายฐานการผลิต
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เห็นถึงความสำคัญ จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงาน เร่งปรับยุทธศาสตร์ โดยจัดตั้ง ศูนย์ติดตามและแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนด้านแรงงานร่วมกับเจ้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลปัญหาการขาดแคลนแรงงานกัมพูชา รวมถึงแรงงานสัญชาติอื่นที่ได้รับผลกระทบ โดยมีปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้อำนวยการศูนย์เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานจากการสู้รบไทย-กัมพูชา
โดยปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่าศูนย์ฯ นี้จะรองรับกลุ่มแรงงานกัมพูชาที่ใบอนุญาตกำลังจะหมดอายุ 31 มีนาคม 2569 จำนวน 112,994 คน จะได้รับผลกระทบ
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์นี้ยังทำหน้าที่สกัดกั้น ป้องกัน และปราบปรามภัย Scammer ซึ่งปัจจุบันพบว่าปัญหาขบวนการ Scammer เชื่อมโยงกับมิติด้านแรงงาน ที่ล่อลวงคนไทยไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ โดยศูนย์ดังกล่าวจะทำงานเชิงรุก ทั้งด้านการคุ้มครองแรงงาน ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน การหลอกเปิดบัญชีม้า และรูปแบบอาชญากรรมยุคใหม่ โดยมีแนวทางแก้ไข ด้วยการสร้างระบบป้องกัน ให้ความรู้ใช้เทคโนโลยี ตรวจสอบนายหน้า สกัดกั้น ปราบปราม บล๊อกเพจปลอม ตรวจแรงงานผิดกฎหมาย คุ้มครองเหยื่อ ออกแบบการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจ cyber กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบิน และหน่วยที่เกี่ยวข้อง พร้อมขับเคลื่อนการปฏิบัติงานแบบบูรณาการร่วมกับ และหน่วยด้านความมั่นคง เพื่อให้การแก้ปัญหาแรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์
สำหรับมาตรการแก้ปัญหา Scammer ด้านแรงงาน แบ่งเป็นแนวทางสำคัญ ได้แก่ ยกระดับความรู้ดิจิทัลให้แรงงาน ตรวจสอบสัญญาจ้างข้ามประเทศก่อนเดินทาง บังคับใช้กฎหมายจัดหางานอย่างเข้มงวด ส่งเสริมบทบาทสหภาพแรงงานร่วมตรวจสอบการหลอกลวง ตลอดจนบูรณาการข้อมูลแรงงานนายจ้าง บนระบบกลาง ป้องกันการแอบอ้าง
"ในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ควบคู่กับการป้องกันและปราบปรามสแกมเมอร์ เรามี แนวคิด 2 ข้อ คือ 1. ต้องป้องกันไม่ให้แรงงานของเราต้องกลายเป็นเหยื่อ ซึ่งได้มอบหมายให้แต่ละกรมฯ ไปสร้างการรับรู้และออกแบบภารกิจ หน้าที่ว่าจะเข้าไปทำอย่างไรได้บ้าง เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่มีหน้าที่ออกตรวจในพื้นที่ ก็ต้องไปร่วมสร้างการรับรู้ในเรื่องนี้ โดยการหาข้อมูลของผู้ที่ได้รับผลกระทบ 2. ต้องไม่ร่วมมือกับผู้กระทำผิดคือ ไม่หลงเชื่อหรือจงใจเปิดบัญชีม้า ให้คนอื่น เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ และมีรายได้ดี แล้วสมัครใจไปทำงานกับกลุ่มเหล่านี้ " ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงแรงงานจะนำผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ ครม. รับทราบสถานการณ์ และกำหนดแนวทางแก้ไขในแต่ละช่วงเวลาอย่างเป็นระบบต่อไป