นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.98 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าที่ระดับ 32.10 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.96-32.14 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทปิดตลาดแข็งค่าสุดในภูมิภาค เคลื่อนไหวตามดอลลาร์ที่อ่อนค่า เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ประกอบกับเงินบาทยังได้รับปัจจัยจากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่างวันด้วย
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามวันนี้ คือดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM)
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 31.90-32.15 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.28 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 155.70 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1620 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1600 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,276.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.88 จุด (+1.58%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 36,423 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,238.15 ล้านบาท
- ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็ง
ค่าจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ตามการปรับคาดการณ์แนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันเพิ่ม
เติมจากแรงขายเงินตราต่างประเทศของผู้ส่งออก และเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร รวมถึงการขายเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัท
ทองคำ หลังราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่า 4% ซึ่ง ธปท. อยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มเติม อาทิเสนอกระทรวงการคลัง ปรับปรุงหลัก
เกณฑ์เพื่อการขยายวงเงินรายได้ต่างประเทศที่ไม่ต้องนำกลับเข้าประเทศเป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ครั้ง, ปรับแนวปฏิบัติ และกำชับให้
สถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดก่อนการรับทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวกับทองคำ และเสนอให้กระทรวงการคลัง พิจารณาให้
กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่ รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ครั้งนี้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่-สงขลา
ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีส่วนช่วยเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.6% แต่หากเทียบกับภาพใหญ่ทั้งประเทศ ถือว่ามี
ผลจำกัด โดยประเมินผลกระทบต่อ GDP ประมาณ 0.1% แต่ไม่เกิน 0.2% ของ GDP
- กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร (KKP) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี
69 จะขยายตัวได้ราว 1.6-1.8% ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตช้า โดยเติบโตลดลงจากปีนี้ ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2% ซึ่งมองว่าใน
ปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาความท้าทายที่ต่อเนื่องจากปีนี้ โดยมองว่าการที่เศรษฐกิจไทยเติบโตแผ่วลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผล
จากฐานที่สูงเมื่อต้นปี 68 โดย GDP ไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.2% เพราะยังไม่มีปัญหาการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ในไตร
มาส 2/68 ขยายตัว 2.8% ส่วนไตรมาส 3 เครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจเริ่มอ่อนกำลังลง อีกทั้งยังมีผลกระทบจากภัยธรรมชาติเข้ามากดดัน
ด้วย
- คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัย
จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง หลังจากนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะเดินทางลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวานนี้ โดย
เป็นชุดมาตรการที่ประกอบด้วย พักหนี้ทั้งเงินและดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ การให้สินเชื่อเพื่อการยังชีพและฟื้นฟูบ้าน
เรือนที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า BOJ จะพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ธ.ค. นี้ พร้อมระบุถึงความจำเป็นในการปรับระดับการผ่อนคลาย
นโยบายการเงินโดยไม่ให้ "ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป"