คลัง เดินหน้าชง TISA เข้าครม.ก่อนสิ้นปี 68 แจงอัตราลดหย่อน 0.7 และ 1.3 เท่าเป็นแค่ตุ๊กตายังไม่สรุป

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 11, 2025 13:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คลัง เดินหน้าชง TISA เข้าครม.ก่อนสิ้นปี 68 แจงอัตราลดหย่อน 0.7 และ 1.3 เท่าเป็นแค่ตุ๊กตายังไม่สรุป

กระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) และเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหญ่พิจารณาก่อนสิ้นปีนี้ และจะเริ่มใช้ภายในปีภาษี 2569 โดยจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการออมและการลงทุนระยะยาว

ปัจจุบัน การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนและการซื้อประกันชีวิตแยกออกเป็นหลายก้อน ประกันชีวิตแบบบำนาญ (200,000 บาท) , RMF, กองทุนสำรองเลียงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ จะลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท

คลัง เดินหน้าชง TISA เข้าครม.ก่อนสิ้นปี 68 แจงอัตราลดหย่อน 0.7 และ 1.3 เท่าเป็นแค่ตุ๊กตายังไม่สรุป

และ Thai ESG ในปี 69 ลดหย่อนได้ปีละไม่เกิน 300,000 บาท ปี 70-75 ลดหย่อนได้ 300,000 บาท

แต่รูปแบบใหม่ TISA รวมทุกรายการทั้งประกันชีวิต, RMF, PVD, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กอช., หุ้น, ETF, กองทุนรวมอื่น ๆ, ตราสารหนี้, Thai ESG (x1.X), Infra Fund (x1.X) ลงทุน XXX,000 บาท ได้ลดหย่อนเทียบเท่าลงทุน 800,000 บาท

สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่า แต่ผู้มีเงินได้เกินกว่าปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้แค่ 0.7 เท่านั้น กระทรวงการคลัง ระบุว่ายังเป็นแค่ตุ๊กตาที่ตั้งไว้เบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เชื่อมั่นว่าโครงการ TISA จะเป็นโอกาสสำคัญของนักลงทุนไทยในการบริหารจัดการการลงทุนในระยะยาว จึงมีการปรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการออมและการลงทุนระยะยาวเพิ่มเป็น 8 แสนบาท สำหรับการลงทุนผ่านประกันชีวิตแบบบำนาญ, RMF, PVD, กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กอช., หุ้น ETF, กองทุนรวมอื่น ๆ, ตราสารหนี้ และ Infra Fund ส่วนการลงทุนผ่าน Thia ESG จะให้แต้มต่อสามารถลดหย่อนเพิ่มได้ 1.2 เท่า และหากออมเพิ่มอีก 2 แสนบาทต่อปี ในส่วนนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ย เงินปันผล และ Capital Gains

"ตรงนี้เป็นการทำระบบการออมผ่านการให้แรงจูงใจด้านภาษีแบบถาวรและทำให้คนมีพื้นที่มากขึ้นในการบริหารจัดการการลงทุน อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการให้แรงจูงใจทางภาษีเพื่อการลงทุนในอดีตที่ค่อนข้างผิด เพราะเราไปเลือกให้แรงจูงใจกับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น LTF ที่ให้ลดหย่อนภาษีได้ทุกคน ซึ่งมองว่าตรงนั้นเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกันคนที่ซื้อ LTF ก็พบว่าขาดทุนประมาณ 25-30% ซึ่งถือเป็นแหล่งทุนสำหรับการดำรงชีวิต และต้องยอมรับว่าหลายคนยังเจ๊งกับ LTF จากความบิดเบือนในอดีต เช่นเดียวกับรัฐบาลเองก็เจ๊งจากค่าลดหย่อนภาษี LTF ถึง 4 หมื่นล้านบาท ตรงนั้นไม่มีใครได้อะไรเลยเพราะมันคือการบิดเบือน" นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับรายละเอียดเบื้องต้นของการลงทุนในโครงการ TISA นั้น ในส่วนของประกันชีวิตแบบบำนาญ จะมีการปลดล็อกในหลายมิติ เช่น การลดอากรไมโคร อินชัวร์รันส์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนรายย่อยสามารถซื้อประกันชีวิตได้ รวมถึงจะมีการปลดล็อกให้บริษัทประกันสามารถลงทุนในตลาดทุนได้มากขึ้น เพื่อให้ผลตอบแทนของผู้ที่ซื้อประกันสูงขึ้น ตรงนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์การออมระยะยาวที่ป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันจะมีการปลดล็อกการออมผ่านพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้มากขึ้น โดยจะให้มีการเปิดจำหน่ายทุกเดือน และสามารถให้ขายคืนได้ตลอดเวลาเมื่อมีความจำเป็น รวมถึงจะให้สามารถนำสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการออมและการลงทุนระยะยาว วงเงิน 8 แสนบาทนี้ มาเป็นหลักประกันการกู้เงินได้ ในสัดส่วน 25% ของมูลค่าบัญชีอีกด้วย ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้น จะเน้นที่หุ้นไทยเป็นหลัก ซึ่งก.ล.ต. จะเป็นคนพิจารณาเลือกหลักทรัพย์ที่มีความปลอดภัยให้เข้ามาอยู่ในโครงการ TISA

"โครงการ TISA นี้เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต. ศึกษามานานว่าจะทำอย่างไรให้การลงทุนของคนไทยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยขอยืนยันในความตั้งใจคือต้องการจะดูแลคนทั้งระบบ ซึ่งผมและทุกฝ่ายพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นหากเห็นว่าอะไรสามารถปรับให้เหมาะสมได้ก็พร้อมจะพิจารณาเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น และอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าทุกหน่วยงานครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่ต้องการจะทำให้ใครเสียประโยชน์ ในทางกลับกันอยากให้คนไทย โดยเฉพาะคนที่มีรายได้น้อยมีหลักประกันในชีวิต ทีมทำงานทุกคนตั้งใจทำโดยไม่ได้คิดผลทางการเมืองใด ๆ แต่ทำเพื่อให้คนไทยมีความมั่นคงทางการเงิน" นายเอกนิติ กล่าว

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะเร่งเสนอโครงการ TISA ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในปี 2568 โดยระหว่างนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสรุปรายละเอียดที่ชัดเจนที่สุด หลังจากนั้นจะมีการชี้แจงที่ลึกมากขึ้น และมีคำตอบที่ชัดเจนในทุกประเด็น แต่ยืนยันว่าโครงการนี้เป็นโครงการเพื่อสนับสนุนการออมในระยะยาวของคนไทย เนื่องจากปัจจุบันการออมของคนไทยลดลง สะท้อนจากสัดส่วนการออมต่อจีดีพีของประชากรไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2557 อยู่ที่ 27.20% ต่อจีดีพี ขณะที่ปี 2566 อยู่ที่ 25.60% ต่อจีดีพี ถือเป็นความเสี่ยงต่อประชาชน ต่อประเทศ และเป็นโจทย์สำคัญที่จะเร่งดำเนินการเพื่อให้คนไทยออมเร็วขึ้นและออมต่อเน่องขึ้น ผ่าน 3 โครงการสำคัญ คือ โครงการ TISA, โครงการพันธบัตรออมพลัส และผ่านมาตรการประกันภัย

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า โครงการ TISA ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการออมที่ไม่เพียงพอของมนุษย์เงินเดือน โดยใช้มาตรการภาษีเป็นแรงจูงใจ โดยคาดว่าหากที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบ จะสามารถเดินหน้าโครงการได้ภายในปีภาษี 2569 โดยอาจจะมีบางส่วน เช่น การลงทุนตรง ที่จะต้องมีการเตรียมระบบรองรับ ซึ่ง ก.ล.ต. จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2569

ส่วนกรณีการกำหนดเพดานให้ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี สามารถลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น 1.3 เท่า ขณะที่ผู้มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี หักลดหย่อนภาษีได้ 0.7 ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกมองว่าเป็นการบังคับให้ผู้มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปีต้องเสียภาษีเพิ่มนั้น เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า ตัวเลขการลดหย่อนภาษียังไม่ได้มีข้อยุติ จนกว่าจะเสนอเรื่องให้ ครม. พิจารณา ซึ่งจริง ๆ ตัวเลขลดหย่อนมีอีกหลายคู่ที่เตรียมไว้ แต่ยอมรับว่าหากมองแค่ตัวเลขลดหย่อน 1.3 เท่า และ 0.7 เท่านั้น ก็อาจเป็นการลดทอนแรงจูงใจการลงทุนได้ แต่ในข้อเท็จจริงโครงการยังมีอีกหลายบริบท และควรมองในภาพรวมเป็นหลักด้วย โดยเห็นว่าหากการลงทุนในส่วนไหนได้รับผลกระทบ ก็ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษด้วยตัวคูณที่เป็นโปรโมชั่น

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า พันธบัตร เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มั่นคงที่สุด แต่มีผู้ถือในปัจจุบันน้อยกว่า 5% และเป็นผู้สูงอายุกว่าครึ่งหนึ่ง โดยกระทรวงการคลังจึงเปิดตัว พันธบัตร ออมพลัส เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยจุดเด่นของออมพลัส คือ ดอกเบี้ยดี จ่ายทุก 12 เดือน ซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยซื้อขายบน STREAMING ได้ตั้งแต่ ก.ค. 2569 โดยผู้ซื้อต้องอายุ 20 ปีขึ้นไป ไม่มีวงเงินสูงสุด โดยเปิดขายทุกเดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ธ.ค. และขายผ่าน STREAMING เหมือนหุ้น เว็บไซต์ แอป โทรผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ