นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า จากมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 68 ที่เห็นชอบในหลักการการเชื่อมต่อโครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการแก้ไขปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษในภาพรวมทั้งระบบ
ส่วนที่มีรูปแบบการให้ปรับเปลี่ยน อุโมงค์แยกเกษตร-ถนนงามวงศ์วาน-สะพานพงษ์เพชร ให้เป็นระบบทางด่วนแบบกั้นช่องจราจรนั้น ยังเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งแนวทางนี้เจตนารมณ์คือต้องการให้การจราจรไหลต่อเนื่อง รถที่มาจากลาดปลาเค้า ลงอุโมงค์แยกเกษตร วิ่งตรงต่อเนื่องไปแคราย จึงจะกั้นช่องจราจรแยกรถไม่ให้ตัดกระแสกัน
ทั้งนี้ บริเวณแยกเกษตร-ถนนงามวงศ์วาน ที่ผ่านมากทพ.ได้ทำการศึกษาและทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาตลอด และย้ำว่า กทพ.ให้ความสำคัญกับประชาชนที่สัญจร ประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเท่ากัน โดยหลักของกทพ.คือมองประโยชน์ของภาพรวม การทำโครงการทางด่วน ยอมรับว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเสียงเห็นด้วย 100%
โดยจากการศึกษาแนวทางมี 3 ทางเลือก ในการดำเนินการก่อสร้าง คือ 1. ก่อสร้างทางด่วนยกระดับ อยู่เหนือโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) 2. ก่อสร้างเป็นอุโมงค์ทางด่วน และ 3. เป็นทางวิ่งระดับดินบางช่วงและยกระดับบางช่วง โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 ฝ่าย คือ ภาครัฐ กระทรวงคมนาคม และ กทพ., ภาคประชาชน, ม.เกษตร โดยนำรูปแบบ 3 โมเดล มาพิจารณาร่วมกันว่าแต่ละแนวทาง แต่ละฝ่ายมีผลกระทบหรือต้องการอย่างไรบ้าง เพื่อประเมินว่าแนวทางใด ที่มีผู้เห็นด้วยมากที่สุด เพื่อนำเสนอต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี
นายสุรเชษฐ์ ย้ำว่า โครงการโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-ฉลองรัช หรือ โครงข่ายทางพิเศษในแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก (ถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ) หรือ ทดแทน N1 เดิม นั้น มีความสำคัญ เพราะปัจจุบัน โครงข่ายทางด่วนเชื่อมแนวฝั่งตะวันออก-ตะวันตก ของกทม. มีด้านทิศใต้ จากบางนา-บางพลี และตรงกลาง คือทางด่วน พระราม 9-ยมราช ส่วนด้านเหนือยังไม่มี จึงผลักดันโครงข่ายทางด่วนถนนงามวงศ์วาน-ถนนประเสริฐมนูกิจ เนื่องจากระบบทางด่วนสายนี้ จะเป็นการแยกจราจร สำหรับรถที่วิ่งไกลยกขึ้นไป แยกจากรถวิ่งใกล้ ทำให้ลดปัญหาการจราจรบนถนนเกษตรนวมินทร์
"เมื่อเปิดแนวทางทั้ง 3 ออกมาแล้ว ทำให้มีหลายมุมมอง หลายความเห็นที่อาจจะยังไม่มองไม่เห็นมาก่อน ดังนั้น กทพ.จะนำมาพิจารณาเพิ่มเติม ส่วนข้อกังวลของทางม.เกษตรฯ เรื่องทางสิ่งแวดล้อมทางเสียงหรือฝุ่น ในอนาคต จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น และสามารถออกแบบ ทางด่วนช่วงผ่านม.เกษตรให้มีโดมครอบป้องกันเสียง ฝุ่นได้"สำหรับ โครงการ ระยะที่ 1 โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก ระยะทาง 6.67 กม. (หรือ N2 เดิม) มูลค่า 13,666 ล้านบาท สถานะปัจจุบันรอเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เนื่องจากยุบสภา คาดว่าจะมีการส่งเรื่องคืนกลับมาก่อนเพื่อรอเสนอรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับความคืบหน้าโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า คาดว่าจะเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้แล้ว โดยในเดือนม.ค. 69 จะออกประกาศร่าง TOR รับฟังวิจารณ์ ซึ่งเลื่อนจากกำหนดเดิมที่จะประกาศ TOR ในเดือนธ.ค. 68 และขายซองประมูลในเดือนก.พ. 69 และคาดว่าจะได้ตัวผู้รับจ้างภายใน 6 เดือน
สำหรับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ให้มีการปรับปรุง โดยยกเว้นค่าผ่านทางในช่วงอุโมงค์ลอดเขานาคเกิด ระยะทาง 1.8 กม. เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนนั้น กทพ.รับนโยบายมาพิจารณาแล้ว โดยประสานกับสำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ว่าจะเห็นด้วยและจะสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมอย่างไร ในส่วนของกทพ.หากยกเว้นค่าผ่านทางช่วงอุโมงค์ลอดเขา รัฐอาจจะต้องสนับสนุน กทพ.ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ อุดหนุนค่าก่อสร้าง หรือ อุดหนุนค่าผ่านทาง ซึ่งตรงนี้ยังไม่ชัดเจน
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง จะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 69 และแล้วเสร็จในปี 74 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิมกำหนดเสร็จปี 73 เล็กน้อย
ส่วน ระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กม. วงเงินลงทุน 46,752 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 68 ซึ่งหลังจากนี้ จะเสนอขอความเห็น จากครม.แลคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 70 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 74 พร้อมกับ โครงการระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง
โดยโครงการทั้ง 2 ระยะ กทพ.มีการออกแบบรายละเอียด (Detail & Design) แล้ว มีระยะทาง 34.60 กม. ภาครัฐจะรับผิดชอบงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และกทพ. รับผิดชอบดำเนินการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา
ส่วนการก่อสร้างงานระบบ และ การบริหารจัดการและบำรุงรักษา (Operation & Maintenance: O&M) ของโครงการทั้ง 2 ระยะ เช่น งานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและระบบควบคุมจราจร เป็นต้น จะให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ (PPP) ตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 30 ปี มีมูลค่า รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท ซึ่งบอร์ดกทพ.อนุมัติแล้ว เตรียมเสนอคณะกรรมการ PPP และครม.ต่อไป