น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎหมายลำดับรอง จำนวน 4 ฉบับ ที่ออกตามความใน พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติที่อยู่ในบังคับ ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม และการปรับปรุงรายได้ รายจ่าย และภาษีที่อยู่ในขอบข่ายเพื่อการคำนวณภาษีส่วนเพิ่ม ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
"พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ได้มีผลใช้บังคับแก่นิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises) ขนาดใหญ่แล้ว สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มใน/หรือหลังวันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป และเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีส่วนเพิ่ม สามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปตามที่ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 กำหนด กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร จึงได้เสนอ ครม.กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมดังกล่าว" น.ส.กุลยา ระบุสำหรับกฎหมายลำดับรองทั้ง 4 ฉบับ ที่ออกตามความใน พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ประกอบด้วย
1. พ.ร.ก.กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม สำหรับกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติที่มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร
2. พ.ร.ก.กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับนิติบุคคล ที่ไม่ใช่นิติบุคคลในเครือ
3. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปันส่วนภาษีส่วนเพิ่มคงเหลือที่ประเทศไทยได้รับ สำหรับกรณีที่ไม่มีกลุ่มนิติบุคคลในเครือรายใดซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย และเป็นสมาชิกของกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติมีผลกำไร
4. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปรับปรุงรายได้ รายจ่าย และภาษีที่อยู่ในขอบข่ายเพื่อการคำนวณภาษีส่วนเพิ่ม รวมทั้งหลักเกณฑ์การคำนวณภาษีส่วนเพิ่มภายในประเทศไทย
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ร่างกฎหมายลำดับดังกล่าว จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงต้นแบบ (GloBE Model Rules) คำอธิบาย (Commentary) และแนวปฏิบัติ (Administrative Guidance) ที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จัดทำขึ้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายภาษีส่วนเพิ่มของประเทศไทย เป็นไปในแนวทางเดียวกับสมาชิก OECD/G20 Inclusive Framework on BEPS ทั่วโลก และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
ด้าน นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างกฎหมายลำดับรอง ที่ออกตามความใน พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติที่อยู่ในบังคับ ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม และการปรับปรุงรายได้ รายจ่าย และภาษีที่อยู่ในขอบข่าย เพื่อการคำนวณภาษีส่วนเพิ่ม รวม 4 ฉบับดังกล่าวนี้ ไม่เป็นการสร้างความผูกพัน ต่อ ครม. ชุดต่อไปตาม ม.169 (1) ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบฯ หรือภาระการคลังในอนาคต หรือก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ แต่จะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ปีละ 12,000 ล้านบาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. จะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ปีละ 12,000 ล้านบาท
2. กฎหมายว่าด้วยภาษีส่วนเพิ่มของประเทศไทย เป็นไปตามมาตรฐานสากล
3. การกัดกร่อนฐานภาษี และการถ่ายโอนกำไรของบริษัทข้ามชาติ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก
4. การแข่งขันทางภาษีเงินได้นิติบุคคลระหว่างประเทศ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยบนพื้นฐานของความยั่งยืนทางการคลัง