สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำ นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.ยังทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แม้ยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปอยู่ก็ตาม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7.9 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,774.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1774.3 - 1760.0 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 63.4 เซนต์ ปิดที่ 33.822 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.7 เซนต์ ปิดที่ 3.4845 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 12.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 654.45 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 11.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,631.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การลดลงของตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ แม้ยังมีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปอยู่ก็ตาม
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ หดตัวลง 0.1% ในเดือนตุลาคม นับเป็นสถิติที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ซึ่งส่งสัญญาณว่าแรงกดดันเงินเฟ้ออาจเริ่มปรับตัวลดลงแล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลในยุโรปพุ่งขึ้นติดต่อกันสองวันทำการเมื่อวานนี้ แม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อลดกระแสความตื่นตระหนกในตลาดก็ตาม โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ7% ซึ่งถือเป็นระดับที่เป็นอันตราย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.69% ในวันพุธ
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงหลายวันที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า วิกฤตหนี้สาธารณะมีแนวโน้มที่จะลุกลามจากอิตาลีไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยุโรปยังได้ฉุดสกุลเงินยูโรดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ