สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) โดยแรงซื้อเก็งกำไรได้ช่วยให้ราคาทองคำฟื้นตัว หลังจากที่ถูกเทขายอย่างหนักในช่วงสองวันก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ยูโรโซนที่ทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั้งสินทรัพย์เสี่ยงและสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เพื่อถือเงินสดไว้ในมือ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,725.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 92 เซนต์ ปิดที่ 31.417 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.95 เซนต์ ปิดที่ 3.402 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ดีดขึ้น 7.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,588.7 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 605.15 ดอลลาร์/ออนซ์
เทรดเดอร์กล่าวว่า ทองคำอยู่ภายใต้แรงกดดันเกือบตลอดช่วงการซื้อขาย อย่างไรก็ดี เนื่องจากราคาทองได้ตกลงไปมากในระยะนี้ จึงดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อเก็งกำไรก่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ราคาทองร่วงลง 3.5% หลังจากที่เดินหน้าขึ้นมาสามสัปดาห์ติดต่อกัน โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป
นักลงทุนชี้ว่า สถานะของทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยนั้น ไม่สามารถช่วยพยุงราคาทองคำในช่วงที่ตลาดผันผวนได้ เนื่องจากตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่ร่วงลงบีบให้นักลงทุนบางรายเทขายทองคำเพื่อทำกำไรจะได้นำไปชดเชยกับที่ขาดทุนจากการลงทุนในตลาดอื่นๆ โดยนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะถือครองเงินสดหรือหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างเงินดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่เกิดวิกฤต
ไมค์ เดลี ผู้เชี่ยวชาญตลาดทองจากพีเอฟจีเบสท์ในชิคาโก กล่าวว่า “ข่าวเศรษฐกิจในสหรัฐ ประกอบกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ย่ำแย่ลง ได้หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งได้กลายเป็นแรงกดดันตลาดโลหะมีค่า นอกจากนี้ การเทขายสัญญาน้ำมันดิบในระยะนี้ยังได้ส่งผลให้ช่วงขาขึ้นในตลาดทองคำหยุดชะงักลงด้วย"