รมว.พาณิชย์ถกวงการข้าวเดินหน้าจำนำต่อ-ยกระดับราคาให้สมดุล-เหมาะสม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 27, 2012 18:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น สมาคมชาวนาไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย ตลอดจนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งต่างเห็นตรงกันในการร่วมผลักดันและยกระดับราคาข้าวสำหรับการส่งออกไปต่างประเทศในฤดูกาลนี้และฤดูกาลต่อๆไป ให้เป็นราคาที่มีความสมดุลและมีความเหมาะสม โดยทุกฝ่ายได้รับประโยชน์เท่ากัน

พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังยืนยันที่จะดำเนินการนโยบายรับจำนำข้าวนาปี 54/55 ตามที่ได้ประกาศไว้ต่อไป รวมทั้งนโยบายการรับจำนำข้าวนาปรัง เนื่องจากรัฐบาลมีความเป็นห่วงว่าถ้ากระบวนการมีช่องว่างเกิดขึ้นและโครงการไม่ต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดความสับสน ซึ่งรัฐบาลจะพยายามดำเนินโครงการรับจำนำให้ต่อเนื่องไปเลย

"นโยบายรับจำนำนั้น รัฐบาลจะยังทำต่อ โดยข้าวนาปียังทำไปถึงสิ้นเดือน ก.พ.55 ตามที่ประกาศไว้เดิม ส่วนข้าวนาปรังนั้นเป็นห่วงว่าถ้ากระบวนการมีช่องว่างอาจจะสับสน เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะพยายามทำให้โครงการต่อเนื่องกัน ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป"รมว.พาณิชย์ กล่าว

ส่วนเรื่องราคาที่รับจำนำ จะขอหารือในระดับนโยบายก่อน โดยเฉพาะจะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีด้วย แต่เชื่อว่าราคาที่รับจำนำจะต้องไม่ต่ำกว่าราคารับจำนำในครั้งก่อน และรัฐบาลจะรับจำนำข้าวทุกเมล็ด

รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีการเสนอให้จัดแบ่งประเภทและระดับชั้นของข้าวแต่ละประเภทให้มากขึ้น แทนที่จะมีเพียงมาตรฐานเดียว ก็อาจให้เพิ่มเป็น 2 หรือ 3 มาตรฐาน เพื่อให้สามารถทำการค้าได้ง่ายขึ้น สามารถแข่งขันกับข้าวของประเทศคู่แข่งได้

"แต่อย่างไรก็ดี ในเรื่องการกำหนดมาตรฐานใหม่นี้ เป็นเรื่องระยะปานกลางถึงระยะยาว แต่ระยะปัจจุบันเราเห็นพ้องกันว่าจะผลักดันราคาส่งออกให้เหมาะสม ไม่ต่ำไป และไม่ทำให้ใครต้องแบกภาระขาดทุน"

พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะประสานไปยังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และธนาคารเฉพาะกิจอื่นๆของรัฐบาลให้มาช่วยดูโครงสร้างสินเชื่อแก่เกษตรกรมากขึ้น รวมทั้งการให้อัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรน ขณะเดียวกันจะให้การค้าขายใน ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) มาเป็นเครื่องมือในการช่วยพยุงราคาส่งออกข้าวอีกทางหนึ่งด้วย พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการส่งออกไปหาตลาดข้าวใหม่ๆ เช่น ตลาดแอฟริกา เป็นต้น

ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายในที่ประชุมวันนี้ มองว่าการที่รัฐบาลเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวส่งผลดีต่อราคาข้าวรวมทั้งต่อตลาด ซึ่งหากมีการเปรียบเทียบข้าวแต่ละประเภทด้วยวิธีรับจำนำกับวิธีประกันรายได้เกษตรกร จะเห็นได้ว่าการรับจำนำช่วยทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น โดยข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ถ้าเป็นโครงการรับจำนำราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 1,208 ดอลลาร์/ตัน ราคาส่งออกต่ำสุดอยู่ที่ 1,043 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่ราคาข้าวในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 1,143 ดอลลาร์/ตัน และราคาส่งออกต่ำสุดอยู่ที่ 951 ดอลลาร์/ตัน

ส่วนข้าวขาว 100% ชั้น 2 ถ้าเป็นการรับจำนำ ราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 663 ดอลลาร์/ตัน ราคาส่งออกต่ำสุดอยู่ที่ 546 ดอลลาร์/ตัน แต่หากเป็นโครงการประกันรายได้เกษตกร ราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 638 ดอลลาร์/ตัน ราคาส่งออกต่ำสุดอยู่ที่ 458 ดอลลาร์/ตัน

ส่วนข่าวขาว 5% ถ้าเป็นโครงการับจำนำ ราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 647 ดอลลาร์/ตัน ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 529 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่ถ้าเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกร ราคาส่งออกสูงสุดอยู่ที่ 607 ดอลลาร์/ตัน ราคาต่ำสุดที่ 432 ดอลลาร์/ตัน

"ที่ประชุมเห็นพ้องว่าการเดินหน้าโครงการรับจำนำมีผลต่อราคาและแสดงความชัดเจนว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้ราคาข้าวอยู่ในจุดที่เหมาะสม"นายยรรยง กล่าว

ส่วนนายสุเมธ เหล่าโมราพร ผู้แทนจากบริษัทซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า หากรัฐไม่เดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไปก็จะทำให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าไทยมีโอกาสลดลงเหลือตันละ 6,500-7,000 บาทได้ จากการที่อินเดียมีแผนจะส่งออกข้าวอีก 2-3 ล้านตัน และขายในราคาต่ำ เช่น ข้าวนึ่งขายที่ตันละ 420 เหรียญฯ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวไทยและราคาตลาดโลกลดลง คาดว่าราคาข้าวนึ่งไทยจะลดลงต่ำกว่าตันละ 400 เหรียญฯได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ