สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน (CISA) เปิดเผยว่า อุปสงค์ที่ลดลงและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตเหล็กในประเทศจีนต้องเผชิญกับการขาดทุนกำไรในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
นายจาง ฉางฟู รองประธานสมาคมเหล็กและเหล็กกล้ากล่าวว่า ผู้ผลิตเหล็กของจีนขาดทุน 1.03 พันล้านหยวน (164.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงไตรมาสแรกของปี ถือเป็นการขาดทุนกำไรครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2543
นายจางยังเสริมอีกว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นและราคาที่ตกต่ำลงส่งผลให้ผู้ผลิตของจีนเกือบ 1 ใน 3 ต้องเผชิญกับการขาดทุนในไตรมาสแรกปีนี้ สำหรับโรงงานเหล็กกล้ารายใหญ่นั้น มีผลกำไรรวมทั้งหมดเป็น 15.18 พันล้านหยวนในไตรมาสแรก ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว 64.83% ขณะที่ยอดขายลดลง 0.95% อยู่ที่ 863.89 พันล้านหยวน เทียบกับปีที่แล้ว
นายจางเผยว่า ต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตเหล็กจีนพุ่งขึ้น 15% เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากการเก็บภาษีทรัพยากรและราคาเชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่สูงขึ้น
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในช่วงไตรมาสรวมเป็น 785.07 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 0.24% จากปีที่แล้ว การผลิตเหล็กของจีนกระเถิบขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อยู่อัตรที่ช้าลง ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรก ผู้ผลิตเหล็กจีนมีผลผลิตเหล็กหล่อทั้งสิ้น 165.92 ล้านตัน เหล็กดิบ 174.22 ล้านตัน และเหล็กกล้า 222.46 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.2%, 2.5% และ6.5% จากปีที่แล้ว ตามลำดับ
ส่วนกำไรรายเดือนของโรงงานเหล็กกล้ารายใหญ่เพิ่มมากขึ้น โดยมีรายได้อยู่ที่ 2.08 พันล้านหยวนในเดือนมีนาคม แต่ภาคอุตสาหกรรมยังคงต่อสู้เพื่อให้กลับมามีผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรก นายจางกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายจางยังเตือนผู้ผลิตเหล็กเรื่องการเผชิญกับความผันผวนที่จะขยายตัวขึ้นเมื่ออุปสงค์ของตลาดเริ่มถดถอย ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก การใช้เหล็กดิบตกต่ำลง 270,000 ตัน หรือ 16% เทียบกับปีที่แล้ว