นักวิเคราะห์ในตลาดการเงินของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินฝืดที่เรื้อรังภายในประเทศ ขณะเดียวกันบีโอเจก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ
นักวิเคราะห์คาดว่า บีโอเจจะตัดสินใจขยายโครงการซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 5-10 ล้านล้านเยน จากปัจจุบันที่ระดับ 65 ล้านล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น จากสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นช่องทางในการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบการธนาคาร และจะช่วยหนุนกิจกรรมทางธุรกิจ นอกจากนี้ คาดว่า คณะกรรมการทั้ง 7 คนของบีโอเจจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2556 ซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. 2557
ก่อนหน้านี้ บีโอเจยืนยันว่าจะดำเนินนโยบาย "ผ่อนคลายด้านการเงินที่แข็งแกร่ง" และจะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ที่ระดับ 0-0.1% และจะคงโครงการซื้อสินทรัพย์ ไปจนกระทั่งบีโอเจเล็งเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อรายปี หรือดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ภายใต้โครงซื้อสินทรัพย์นั้น บีโอเจได้เข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่พันธบัตรรัฐบาลไปจนถึงตราสารหนี้เอกชน และกองทุนทรัสต์ที่เข้าไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์และหุ้น
บีโอเจระบุว่า บีโอเจจะดำเนินการซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ให้เสร็จสิ้นภายในปลายเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า ทางเลือกอื่นๆที่บีโอเจอาจจะพิจารณานำมาใช้นั้น ครอบคลุมถึง การประกาศขยายระยะเวลาการซื้อสินทรัพย์ออกไปอีกประมารณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าบีโอเจอาจจะซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอีกในเวลาต่อมา สำนักข่าวเกียวโดรายงาน