คณะกรรมการบริการการเงิน (FSC) เปิดเผยในวันนี้ว่า FSC ได้มีคำสั่งให้ธนาคารออมทรัพย์ภายในประเทศจำนวน 4 แห่งระงับการดำเนินงาน อันเนื่องมาจากการขาดเงินกองทุนและมียอดหนี้สินจำนวนมาก
รายงานของ FSC ระบุว่า ธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 4 แห่งที่ได้รับคำสั่งให้หยุดดำเนินการเป็นเวลา 6 เดือนเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ได้แก่ โซโลมอน เซฟวิ่ง แบงก์, โคเรีย เซฟวิ่ง แบงก์, ไมเร เซฟวิ่ง แบงก์ และ ฮันจู เซฟวิ่ง แบงก์
ในจำนวนนี้ 3 ธนาคารได้แก่ โคเรีย, ไมเร และ ฮันจู ได้ถูกสั่งให้ปิดกิจการอันเนื่องมาจากการขาดเงินกองทุนและมีหนี้สินจำนวนมาก โดยธนาคารทั้ง 3 แห่งมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ต่ำกว่า 1% ตามมาตรฐานธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) โดยธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 3 แห่งและธนาคารโซโลมอน เซฟวิ่ง แบงก์ มียอดหนี้สินที่สูงกว่าทรัพย์สินของธนาคารเป็นอย่างมาก
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นภายหลังการดำเนินการปรับปรุงอุตสาหกรรมธนาคารออมทรัพย์ที่กำลังมีปัญหา โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 FSC ได้มีคำสั่งให้ธนาคารออมทรัพย์จำนวน 9 แห่งระงับการให้บริการ ซึ่งรวมไปถึงธนาคารปูซาน เซฟวิ่ง แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารออมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนที่จะมีคำสั่งให้ธนาคารออมทรัพย์อีก 7 แห่งระงับการดำเนินการเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง
การดำเนินการในปีนี้ของ FSC ในการระงับการดำเนินงานของธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 4 แห่งเป็นไปตามแผนการปรับปรุงอุตสาหกรรมธนาคารออมทรัพย์ของ FSC
ทั้งนี้ ธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 4 แห่งยังคงมีโอกาสกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติด้วยการระดุมเงินกองทุนเพิ่มจากสาธารณะ และหากไม่สามารถเพิ่มเงินกองทุนดังกล่าวได้ ก็จะต้องโอนหนี้สินและทรัพย์สินไปให้กับบุคคลที่สาม
กฎหมายคุ้มครองผู้ฝากเงินของเกาหลีใต้ระบุว่า ผู้ฝากเงินในธนาคารออมทรัพย์จะต้องได้รับประกันการคืนเงินสูงสุดถึง 50 ล้านวอน (44,196 ดอลลาร์) แต่จะไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีของธนาคารออมทรัพย์ได้ก่อนที่ธนาคารกลับมาให้บริการตามปกติ
บริษัทโคเรีย ดีโพสิท อินชัวรันซ์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับประเงินเงินฝากของรัฐบาล มีแผนจ่ายเงินเฉพาะกาลให้กับผู้ฝากเงินสูงสุดถึง 45 ล้านวอน หรือสูงสุดถึง 40% ของเงินฝากเพื่อลดความเดือดร้อนของผู้ฝากเงินลงให้เหลือน้อยที่สุด สำนักข่าวซินหัวรายงาน