สมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลางสหรัฐ (แฟนนี เม) เปิดเผยรายงานผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ พบว่า ทัศนคติของผู้บริโภคซึ่งค่อยๆปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงในปี 2554 ที่ผ่านมานั้น ดูเหมือนว่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
นายดั๊ก ดันแคน รองประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแฟนนี เม กล่าวว่า ข้อมูลผู้บริโภคเดือนพ.ค.บ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันกำลังรอดูแนวโน้มการซื้อหรือขายบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะหยุดชะงักของการจ้างงานและการขยายตัวของรายได้
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มส่งสัญญาณหยุดนิ่ง ภายหลังการจ้างงานชะลอตัวและแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคทรงตัว โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐชะลอแตะ 1.9% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 2.2% ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 8.2% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 8.1% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงติดต่อกันมาเป็นเวลานาน
แฟนนี เม ยังได้ระบุในรายงานด้วยว่า ชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยคาดว่าราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น 1.4% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่สัดส่วนของผู้ตอบแบบสำรวจที่ระบุว่าจะซื้อบ้านนั้น ลดลงมาอยู่ที่ 63% ในเดือนพ.ค. จาก 64% ในเดือนเม.ย. และ 66% ในเดือนมี.ค. นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า มาตรฐานการปล่อยกู้ที่เคร่งครัดสำหรับบริษัทสร้างบ้านและผู้ซื้อบ้าน ตลอดจนความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของระบบสินเชื่อบ้านและมาตรการจูงใจด้านภาษี ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย