ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังร่วงแตะระดับต่ำสุดครั้งใหม่เมื่อวานนี้ ในขณะที่นักวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นลบมากขึ้นและคาดว่า ราคาน้ำมันอาจจะร่วงต่อไปอีก เนื่องจากอุปทานยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มอ่อนแรงลงท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกในตลาดนิวยอร์กดิ่งลง 4% แตะที่ 78.20 ดอลลาร์/บาร์เรล นับเป็นครั้งแรกที่ราคาน้ำดิบ WTI ลดลงต่ำกว่าระดับ 79 ดอลลาร์ นับตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. 2554 ในขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาดลอนดอนร่วงลง 3.73% แตะที่ 89.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลุดจากระดับทางจิตวิทยาที่สำคัญที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2553
ยีน แมคกิลเลียน โบรกเกอร์จากบริษัทเทรดดิชั่น เอ็นเนอร์จี กล่าวว่า "ตลาดน้ำมันดิบกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันและมีแนวโน้มที่จะพุ่งลงแตะจุดต่ำสุด"
ราคาน้ำมันร่วงลงหลังข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ บ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด ในขณะที่ตัวเลขเฉลี่ยในรอบ 4 สัปดาห์พุ่งแตะระดับสูงสุดในปีนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงซบเซา
ในขณะเดียวกัน ดัชนีภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียยังดิ่งลงเหนือความคาดหมายสู่ระดับ -16.6 จุด เมื่อเทียบกับ -5.8 จุดในเดือนพฤษภาคม ซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัวลงอย่างรุนแรงของภาคการผลิตในเขตฟิลาเดลเฟีย ส่วนยอดขายบ้านในสหรัฐลดลง 1.5% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปและจีนยังบ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมต่างก็ชะลอตัวลงทั้งในจีนและยุโรปในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ วิกฤตหนี้สินที่ย่ำแย่ลงยังส่งผลให้ความเป็นไปได้มากขึ้นที่ภาวะเศรษฐกิจในยูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่นักลงทุนเองก็มีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การขาดมาตรการกระตุ้นในเชิงรุกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีส่วนทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงเมื่อวานนี้ อีกทั้งยังไม่ได้ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดน้ำมันซบเซาก็คืออุปทานน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงทั้งในสหรัฐและตลาดโลก สตีเฟน ชอร์ค บรรณาธิการของชอร์ค รีพอร์ท ระบุว่า "อุปทานอยู่ในระดับที่สูงเกินไป ณ ปัจจุบัน และยังไม่มีเหตุผลมากพอที่จะกักตุนน้ำมันเพิ่ม"
ชอร์คคาดว่า ตลาดน้ำมันกำลังเข้าสู่ภาวะซบเซาและราคาอาจจะปรับตัวลงอีก
"ยังมองไม่เห็นว่าจุดต่ำสุดจะอยู่ที่ระดับใด" เรย์มอนด์ คาร์โบน ประธานฝ่ายน้ำมันของบริษัทโบรกเกอร์พาราเมานท์ ออพชั่นส์ กล่าว พร้อมกับเสริมว่ามีเพียงปัจจัยเดียวที่จะหนุนให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง นั่นก็คือ หากเกิดกรณีอิสราเอลโจมตีอิหร่าน "หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงหลุดที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลไปเรียบร้อยแล้ว ระดับต่อไปน่าจะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์" เขากล่าวบทวิเคราะห์โดยเฉียว จีหง จากสำนักข่าวซินหัว