ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งแรง หลังที่ประชุมอียูไฟเขียวแผนกู้วิกฤต

ข่าวต่างประเทศ Saturday June 30, 2012 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) ขานรับข่าวที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติแผนการต่อต้านวิกฤตหนี้สาธารณะ ซึ่งรวมถึงการอนุมัติให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรปสามารถปล่อยเงินกู้โดยตรงให้กับภาคธนาคาร

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.70% แตะที่ 1.2650 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2438 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.98% แตะที่ 1.5663 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5511 ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.950 เยน จากระดับ 79.450 เยน แต่ร่วงลง 1.65% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9493 ฟรังค์ จากระดับ 0.9652 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.98% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0237 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0038 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.64% แตะที่ 0.8003 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7874 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมผู้นำอียูบรรลุข้อตกลงให้มีการนำเงินจากกองทุนฟื้นฟูถาวรของยุโรป เพื่อเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยูโรโซนที่ประสบปัญหา นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นพ้องในข้อตกลงการจัดสรรเงิน 1.20 แสนล้านยูโร (ประมาณ 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อกระตุ้นการขยายตัวและการจ้างงานในยุโรป

ขณะที่รัฐสภาเยอรมนีมีมติอนุมัตมาตรการต่อต้านวิกฤตของสหภาพยุโรป (อียู) 2 ฉบับ ซึ่งได้แก่ มาตรการการคลังฉบับใหม่ที่ว่าด้วยการสร้างวินัยด้านงบประมาณ และมาตรการอัดฉีดเงินมูลค่า 2 แสนล้านยูโร หรือ 2.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งข้อตกลงทั้งหมดนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์การต่อต้านวิกฤตหนี้สาธารณะ และยังทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลีปรับตัวลดลงด้วย

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ร่วงลงสู่ระดับ 73.2 จุด จากระดับ 79.3 จุดในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะอยู่ที่ 74.1 จุด

ขณะที่การใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐลดลง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือน้อยกว่า 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. และอัตราการออมส่วนบุคคลของสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะ 3.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่ขยายตัว 3.7% ในเดือนเม.ย. นับเป็นการบ่งชี้ว่าผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ