รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของภาคเอกชนญี่ปุ่น ร่วงลง 14.8% เดือนพ.ค. มาอยู่ที่ระดับ 6.719 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบกว่า 7 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของการลงทุนในสินค้าด้านทุน อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนและการแข็งค่าของสกุลเงินเยน
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือ และอุตสาหกรรมสาธารณุปโภคนั้น ถือเป็นดัชนีวัดการใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงระดับการประเมินภาวะการลงทุนด้านสินค้าทุนของภาคเอกเชนเอาไว้เท่าดิม โดยระบุว่า ที่ผ่านมานั้น ยอดสั่งซื้อเครื่องจักร "ปรับตัวขึ้นปานกลาง" ส่วนสาเหตุที่ทำให้ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นการปรับฐานจากเดือนก่อน โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนเม.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7%
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรจากภาคการผลิต ปรับตัวลดลง 8% มาอยู่ที่ระดับ 3.019 แสนล้านเยน และยอดสั่งซื้อเครื่องจักรนอกภาคการผลิต ลดลง 6.4% มาอยู่ที่ระดับ 4.135 แสนล้านเยน ทำสถิติลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
หากเทียบเป็นรายอุตสาหกรรมพบว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และอุตสาหกรรมขนส่งที่ไม่รวมยานยนต์ ร่วงลงหนักสุดในบรรดายอดสั่งซื้อของภาคการผลิต ส่วนในอุตสาหกรรมนอกภาคการผลิตนั้น ยอดสั่งซื้อในอุตสาหกรรมค้าส่งและค้าปลีก และอุตสาหกรรมการเงิน ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรในภาครัฐ ปรับตัวลดลง 21.8% มาอยู่ที่ระดับ 2.25 แสนล้านเยน ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศ ขยับขึ้น 0.3% สู่ระดับ 7.901 แสนล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน