นายกรัฐมนตรีอันโตนิส ซามาราสของกรีซเน้นย้ำถึงพันธสัญญาของกรีซในการเดินหน้าปฏิรูปเพื่อจัดการวิกฤตหนี้สินในระหว่างหารือกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานยูโรกรุ๊ปเมื่อวานนี้ โดยเรียกร้องบรรดาเจ้าหน้าต่างชาติในการให้เวลากรีซมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆภายใต้ข้อตกลงรับความช่วยเหลือทางการเงิน
นายยุงเกอร์กล่าวตอบในแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนว่า การสนับสนุนเพิ่มเติมใดๆสำหรับกรีซจะขึ้นอยู่กับรายงานของคณะผู้ตรวจสอบจากสหภาพยุโรป (อียู)/กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่มีกำหนดจะเดินทางไปยังเอเธนส์ในเดือนก.ย.เพื่อประเมินความคืบหน้าในการดำเนินการตามเงื่อนไขของข้อตกลงต่างๆ
ประธานยูโรกรุ๊ปเลี่ยงที่จะปฏิเสธหรือสนับสนุนโดยตรงเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาปฏิรูปทางการคลังในปัจจุบันหรือมาตรการช่วยเหลือรอบ 3 สำหรับกรีซ
“เรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาของเรา เราจะบรรลุเป้าหมาย" นายซามาราสกล่าวกับสื่อมวลชนหลังการพบปะกับนายยุงเกอร์
“เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดที่ว่ากรีซจะออกจากยูโรโซนนั้นเป็นเรื่องที่ผิด" นายกรัฐมนตรีกรีซเน้นย้ำในการหารือครั้งสำคัญนัดแรกกับบรรดาผู้นำยุโรปในสัปดาห์นี้
“ผมอยู่ข้างกรีซ ชาวกรีซกำลังพยายามอย่างหนัก ผมมั่นใจว่ารัฐบาลกรีซมุ่งมั่นที่จะดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อได้รับการเบิกจ่ายเงินกู้งวดต่อไป" นายยุงเกอร์กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วม
นายยุงเกอร์ได้แสดงการสนับสนุนความพยายามของกรีซ ก่อนที่นายซามาราสจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนีที่กรุงเบอร์ลินในวันพรุ่งนี้ และจะหารือกับประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสในวันเสาร์ โดยประธานยูโรกรุ๊ปไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่กรีซจะออกจากยูโรโซน และระบุว่านั่นจะสร้างความเสียหายต่อกรีซและจะส่งผลกระทบต่อยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นายยุงเกอร์เน้นย้ำว่ากรีซควรปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ และดำเนินการลดรายจ่ายและปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อลดยอดขาดดุลและทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ขณะที่ร้องขอมากขึ้นจากกลุ่มเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรีซ และนี่เป็นโอกาสสุดท้าย"
สำหรับเงื่อนไขของมาตรการช่วยเหลือนั้น กรีซต้องนำเสนอต่อคณะผู้ตรวจสอบของทรอยก้าเห็นถึงมาตราการปรับลดงบประมาณอย่างจริงจังครั้งใหม่มูลค่า 1.15 หมื่นล้านยูโรในช่วง 2 ปีหน้า นอกเหนือจากนโยบายรัดเข็มขัดอื่นๆที่ได้เริ่มดำเนินการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา