นายโจว ต้าตี รองประธานสถาบันวิจัยพลังงานจีน กล่าวเตือนเมื่อวันเสาร์ว่า การลงทุนในภาคพลังงานของจีนควรมีความระมัดระวัง เนื่องจากการขยายตัวด้านการบริโภคพลังงานของจีนมีแนวโน้มชะลอลง
นายโจวกล่าวว่าไม่มีความต่อเนื่องในการหนุนภาคพลังงานโดยการขยายกำลังการผลิตพลังงาน
“การบริโภคพลังงานมีแนวโน้มจะชะลอลงสู่อัตราที่เหมาะสมอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้" นายโจวกล่าวในการแถลงข่าว ซึ่งมีการเปิดเผยรายงานการพัฒนาพลังงานจีนประจำปีของทางสถาบัน
นายโจวกล่าวว่าการการขยายการลงทุนอย่างไม่เหมาะสมในภาคพลังงานอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเขาเรียกร้องให้บรรดาบริษัทพลังงานประสานงานกันมากขึ้น และให้ความสนใจมากขึ้นกับศักยภาพในการทำกำไรของการลงทุน
รายงานของสถาบันระบุว่า การบริโภคพลังงานของจีนจำเป็นต้องมีการปรับปรุง ขณะที่พลังงานของประเทศ 68.8% ได้จากการเผาไหม้ถ่านหินในปี 2554 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่สัดส่วนเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ระดับไม่ถึง 30%
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าการพึ่งพาการบริโภคถ่านหินที่ระดับสูงจะส่งผลกระทบต่อความพยายามด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจีนสำหรับช่วงปี 2554-2558 ด้วย
สถาบันได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มปริมาณพลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อมาแทนพลังงานจากฟอสซิล
ทั้งนี้ จีนวางแผนจะลดการใช้พลังงานต่อหน่วยของจีดีพีลง 16% ภายในปี 2558 จากระดับในปี 2554 และยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มการใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิลเป็น 11.4% ของการบริโภคพลังงานทั้งหมดของประเทศ จากปัจจุบันที่ 8.6% สำนักข่าวซินหัวรายงาน