กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันรายสัปดาห์ของโอเปกปรับตัวลงเล็กน้อยในสัปดาห์ที่แล้ว โดยลดลง 1.4% สู่ระดับ 110.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
การปรับตัวลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ราคาทะยานขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างเชื่องช้า วิกฤตหนี้ยุโรปและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้เพิ่มแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันดิบโลก
สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐก็ยังไม่น่าพอใจนัก โดยนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความไม่พอใจกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันในการประชุมประจำปีของผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน การส่งออกน้ำมันดิบของอิรักก็ยังคงเพิ่มขึ้นแตะระดับเฉลี่ย 2.565 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการส่งออกน้ำมันดิบสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.มีรายงานว่าอิหร่านส่งออกน้ำมันเกินกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแตะระดับเดียวกันกับช่วงก่อนที่สหภาพยุโรป (อียู) จะคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
ดังนั้น เมื่อปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับที่เพียงพอ จึงขาดปัจจัยกระตุ้นที่จะหนุนราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ โอเปกจะลดการส่งออกน้ำมันไปยังตลาดสหรัฐและยุโรป อันเนื่องมาจากการซ่อมบำรุงคลังน้ำมัน โดยการส่งออกไปยังยุโรปจะลดลง 1% สู่ระดับ 23.8 ล้านบาร์เรล/วัน
ในประเด็นนี้ สหรัฐได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งในนามของกลุ่มจี-7 โดยเรียกร้องให้มีการเพิ่มการผลิตน้ำมันเพื่อรองรับกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น โดยแถลงการณ์เตือนว่าราคาน้ำมันที่ระดับสูงจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน