คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนกันยายน โดยทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวของค่าใช้จ่ายภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนสูงที่สุดในเศรษฐกิจสหรัฐ
คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 70.3 ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 61.3 ในเดือนสิงหาคม ขณะที่ค่ากลางจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะอยู่ที่ 63.1
รายงานดังกล่าวระบุว่า การปรับตัวขึ้นของราคาบ้านและตลาดหุ้นต่างก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจส่งผลให้ภาคครัวเรือนเพิ่มการใช้จ่าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่อัตราว่างงานที่ยังคงสูงกว่าระดับ 8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในวงจำกัดถือเป็นแรงฉุดรั้งการขยายตัว
นอกจากนี้ ชาวอเมริกันยังมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการจ้างงาน ภาวะธุรกิจ และ รายได้ในเดือนนี้ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 50.2 จาก 46.5 ในเดือนสิงหาคม ขณะดัชนีคาดการณ์ในอีก 6 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นไปแตะที่ 83.7 จาก 71.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
สัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ที่คาดว่า ตำแหน่งงานจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 18.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 15.8% ส่วนสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นในช่วงอีก 6 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 16.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ จาก 16% ในเดือนสิงหาคม
ในขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเบื้องต้นของธอมสัน รอยเตอร์ส/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ก็ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแตเดือนพฤษภาคมในเดือนกันยายน
แต่อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของดัชนียังคงถูกฉุดลงโดยอัตราว่างงานที่ยังคงสูงกว่าระดับ 8% เป็นเดือนที่ 43 ติดต่อกัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าเป็นสถิติที่อยู่เหนือระดับดังกล่าวอย่างยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2491