นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ยืนยันว่า กระทรวงฯ จะยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในวันที่ 1 ม.ค.56 ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน หลังเลื่อนกำหนดจากเดิมที่จะยกเลิกในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ให้ความเห็นชอบ
มาตรการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นอีก 8 แสน-1 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่มียอดการใช้เอทานอลเพียง 1.25-1.3 ล้านลิตรต่อวันเท่านั้น ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 3.27 ล้านลิตรต่อวัน และการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทอยู่ที่ 11-11.5 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนเบนซิน 91 มียอดขายรวม 8 ล้านลิตรต่อวัน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับประโยชน์จากการปลูกพืชพลังงาน เพราะความต้องการใช้เอทานอลที่เพิ่มขึ้นจะมาจากมันสำปะหลัง กากน้ำตาล(โมลาส) และอ้อยมากขึ้น
รมว.พลังงาน เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำมันพื้นฐาน หรือ จีเบส เพราะโรงกลั่นน้ำมันได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตแล้ว และอาจไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศในอัตราที่สูงอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กระทรวงฯ จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยังจำเป็นต้องใช้เบนซิน 91 โดยเฉพาะรถเก่าที่มีใช้เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก และขณะนี้มีรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้มากกว่า 1 ล้านคันแล้ว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงฯ กำลังศึกษาเรื่องการนำน้ำมันดิบที่ผลิตได้ในประเทศมาใช้ จากปัจจุบันที่มีการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งในกรณีนี้โรงกลั่นน้ำมันอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการกลั่นเพื่อรองรับน้ำมันในประเภทนี้มากขึ้น และต้องมีการแก้ไขสัญญาปิโตรเลียมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย แต่มองว่าในเชิงเศรษฐกิจน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศไม่เหมาะกับการใช้ในประเทศไทย เนื่องจากเมื่อนำมากลั่นแล้วจะทำให้ได้น้ำมันเบนซินเป็นส่วนใหญ่ แต่ประเทศไทยมีการใช้น้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถผลิตได้เป็นน้ำมันดีเซลมากกว่า โดยจะทำเรื่องนี้ห้แล้วเสร็จภายในปีหน้า
ส่วนกรณีที่ บมจ.ปตท.(PTT) อยากให้เอกชนรายอื่นมีส่วนเป็นเจ้าของธุรกิจปิโตรเลียม นายอารักษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่ปัจจุบันเอกชนและประชาชนที่ถือหุ้นใน ปตท.ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ก็มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของอยู่แล้ว โดยผ่านการลงทุนของ ปตท. เพราะฉะนั้นหาก ปตท.มีเงินลงทุนไม่เพียงพอก็สามารถระดมทุนใน ตลท.ได้ ส่วนกรณีที่อยากให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม กระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายดังกล่าว เพราะจะเป็นการสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก
รมว.พลังงาน ยืนยันว่า กระทรวงฯ จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ราคา LPG ภาคขนส่งต้องรอผลการศึกษาการปรับโครงสร้างราคาที่ชัดเจนก่อน