ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เสร็จสิ้นลงเมื่อคืนนี้ว่า ข้อมูลที่ได้รับนับตั้งแต่ที่คณะกรรมการ FOMC ประชุมกันในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การเติบโตด้านการจ้างงานเป็นไปอย่างเชื่องช้า และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วมากขึ้นเล็กน้อย แต่การขยายตัวในการลงทุนด้านสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจชะลอลง ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยได้ส่งสัญญาณเพิ่มเติมถึงการปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจากระดับที่ไม่น่าพอใจนักก็ตาม ส่วนเงินเฟ้อได้ปรับตัวขึ้นบ้างในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังคงทรงตัว
คณะกรรมการต้องการที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวในระดับสูงสุดและสร้างเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด คณะกรรมการกังวล หากไม่มีการผ่อนคลายนโยบายต่อไปแล้ว การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับปัจจุบันอาจจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ความกดดันในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงก่อความเสี่ยงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ คณะกรรมการคาดว่าเงินเฟ้อในระยะกลางมีแนวโน้มจะอยู่ที่หรือต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2%
ทั้งนี้ เพื่อที่จะหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้นและเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในอัตราที่สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดเมื่อเวลาผ่านไปนั้น คณะกรรมการจะยังคงเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน วงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ คณะกรรมการจะยังคงดำเนินแผนการที่จะขยายกำหนดไถ่ถอนเฉลี่ยของการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลังต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ และจะยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับการนำการชำระเงินต้นจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การดำเนินการเหล่านี้ ซึ่งจะทำให้การถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวของคณะกรรมการเพิ่มขึ้นราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ น่าจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันขาลงต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว และช่วยหนุนตลาดจำนอง รวมทั้งช่วยทำให้ภาวะทางการเงินในวงกว้างมีความผ่อนคลายมากขึ้น
คณะกรรมการจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมีการเปิดเผยต่อไป และจะจับตาดูความคืบหน้าทางการเงินในช่วงหลายเดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากแนวโน้มของตลาดแรงงานยังไม่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก คณะกรรมการจะยังคงเข้าซื้อ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน, ดำเนินการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม และใช้เครื่องมือด้านนโยบายอื่นๆตามความเหมาะสมจนกว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นในบริบทของความมีเสถียรภาพด้านราคา ส่วนในการตัดสินใจเกี่ยวกับขนาด อัตราและองค์ประกอบของการซื้อสินทรัพย์นั้น คณะกรรมการจะพิจารณาอย่างเหมาะสมอยู่เสมอเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่มีความเป็นไปได้และต้นทุนของการซื้อดังกล่าว
ในส่วนของการสนับสนุนให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสู่การจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคานั้น คณะกรรมการคาดว่าท่าที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินจะยังคงมีความเหมาะสมสำหรับช่วงเวลาสำหรับ หลังจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้ตัดสินใจที่จะคงช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ไว้ที่ 0-0.25% และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำเป็นพิเศษมีแนวโน้มจะมีความเหมาะสมไปจนถึงกลางปี 2558 เป็นอย่างน้อยที่สุด
สำหรับผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เบน เอส. เบอร์นันเก้ ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เอลิซาเบธ เอ. ดุค, เดนนิส พี. ล็อคฮาร์ท, ซานดรา เพียนัลโต, เจอโรม เอช. เพาเวล, ซาราห์ บลูม ราสคิน, เจเรมี ซี. สเตน, แดเนียล เค. ทารุลโล, จอห์น ซี. วิลเลียมส์ และเจเน็ต แอล. เยลเลน
ส่วนผู้ที่คัดค้านการดำเนินนโยบายดังกล่าว คือ เจฟฟรีย์ เอ็ม. แล็คเกอร์ ซึ่งคัดค้านการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติม และไม่เห็นด้วยกับคำจำกัดความของช่วงระยะเวลา ซึ่งท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินจะยังคงมีความเหมาะสม และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำเป็นพิเศษมีแนวโน้มจะได้รับการสนับสนุน