คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Q3) เป็นรอบที่ 3 แล้ว โดยมาตรการ QE3 ได้ประกาศใช้ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ปีนี้ ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ส่วนในการประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ปีนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% และเดินหน้าใช้มาตรการ QE3 ต่อไป จนกว่าตลาดแรงงานจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
การที่นักลงทุนนักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันนี้อย่างใกล้ชิดก้เพราะว่า มาตรการ Operation Twist จะหมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะประกาศใช้ QE4 ด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่วงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อรองรับแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อมาตรการ Operation Twist หมดอายุลง
เฟดประกาศใช้มาตรการ Operation Twist ตั้งแต่การประชุมเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ปี 2554 ซึ่งโดยหลักการแล้ว มาตรการ Operation Twist คือการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีในวงเงินเท่ากัน โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัวขึ้น และยังช่วยให้แรงกดดันด้านการเงินผ่อนคลายลงด้วย
เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้กล่าวปกป้องนโยบายเชิงรุกด้านต่างๆที่เฟดนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ โดยเบอร์นันก้กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องฉุดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้ พร้อมกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะช่วยลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางด้วยการทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลปรับตัวลดลง และยังเป็นการกระตุ้นรายได้จากภาษีด้วย