รายงานระบุว่า ยอดงบประมาณขาดดุลที่คาดไว้เป็นอัตราที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 8 แสนล้านหยวนในปีที่แล้ว และยอดขาดดุลแท้จริงที่ 1.07 ล้านล้านหยวน
รายจ่ายของรัฐที่จะส่งผลให้ยอดขาดดุลพุ่งขึ้นนั้น จะอยู่ในส่วนของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่สำคัญๆเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน และใช้สำหรับการปรับลดภาษี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมาก
หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและเดินหน้าโครงการด้านการลงทุนอย่างระมัดระวัง เศรษฐกิจจีนได้เติบโตรวดเร็วขึ้นแตะ 7.9% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจติดต่อกัน 7 ไตรมาส
นอกจากนี้ จีนได้ตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินอย่างรัดกุมต่อไป รวมถึงนโยบายการคลังเชิงรุกในปี 2556 เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวไปกว่านี้
จีนได้ใช้นโยบายการคลังเชิงรุกตั้งแต่ปี 2552 เพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยยอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 9.5 แสนล้านหยวนในปี 2552, 1 ล้านล้านหยวนในปี 2553, 8.5 แสนล้านหยวนในปี 2554 และ 8 แสนล้านหยวนในปี 2555
สัดส่วนยอดขาดดุลงบประมาณต่อ GDP เท่ากับ 2.83% ในปี 2552, 2.48% ในปี 2553, 1.8% ในปี 2554 และ 1.56% ในปี 2555 โดยหากในปีนี้ GDP ขยายตัว 8% สัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ 2.2% สำนักข่าวซินหัวรายงาน