นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษประกาศว่าจะนำเงินที่ได้จากการถือพันธบัตรมูลค่า 6.6 พันล้านปอนด์ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.นั้น มาลงต่อไป
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์มาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว โดยธนาคารกลางอังกฤษได้ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.5% เมื่อเดือนมีนาคม 2552 และได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวมานับตั้งแต่นั้น
สำหรับมาตรการ QE นั้น ธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศขยายวงเงิน QE อีก 5 หมื่นล้านปอนด์เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้วงเงินรวมของโครงการ QE ที่ธนาคารกลางได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 เพิ่มเป็น 3.75 แสนล้านปอนด์ โดยธนาคารกลางอังกฤษได้ตัดสินใจนำมาตรการ QE มาใช้ผ่านทางการพิมพ์ธนบัตรใหม่เพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ด้วยเป้าหมายที่จะเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคารและกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจไม่ขยายโครงการ QE แม้ว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ได้ปรับลดการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 ปี 2555 เป็น 0.9% จากเดิม 1.0% เนื่องจากภาคบริการ การค้า และการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัวน้อยกว่าการประเมินก่อนหน้านี้ โดยการค้าสุทธิของอังกฤษขยายตัว 0.5% ลดลงจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ 0.7% ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคขยายตัว 0.4% ต่ำกว่าตัวเลขเดิมที่ 0.6%