พ.ต.ท.ไพโรจน์ ปัญจประทีป ประธานกรรมการ อคส. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดฯ มีมติให้เลิกจ้าง พ.ต.ท.ศราวุธ สกุลมีฤทธิ์ ผู้อำนวยการ อคส. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.56 เป็นต้นไป
"เนื่องจากบอร์ดเห็นว่า พ.ต.ท.ศราวุธ ไม่มีความรู้ ความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายให้กับ อคส.ได้อย่างเพียงพอ และในการประเมินผลการทำงาน 2 ครั้งที่ผ่านมา ครั้งแรกได้คะแนนต่ำกว่าครึ่งซึ่งถือว่าสอบตก แต่บอร์ดฯ ก็ได้ให้โอกาสทำงานต่อ และในการประเมินครั้งที่ 2 ได้คะแนนสูงขึ้นมาอีกเพียงเล็กน้อย คือ 2.79 จากคะแนนเต็ม 5 ถือว่าผ่านแบบเฉียดฉิว เพราะบอร์ดได้เข้าไปช่วยกำกับการทำงาน" พ.ต.ท.ไพโรจน์ กล่าว
นอกจากนี้ บอร์ดยังเห็นว่า พ.ต.ท.ศราวุธ มีปัญหาในการบริหารงานที่มีข้อกล่าวหาว่าทุจริต โดยเฉพาะการดำเนินโครงการรับจำนำหอมแดงที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังพูดไม่ได้ว่า ผอ.อคส.มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เพราะต้องรอผลการสอบสวนก่อน
นอกจากนี้ยังบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่มีปัญหาความล่าช้า โดยเฉพาะกรณีความล่าช้าในการไม่สั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 55/56 ให้เป็นข้าวสาร เพื่อส่งมอบเข้าโกดังกลางที่ จ.สุโขทัย จนมีผลทำให้ข้าวเปลือกของเกษตรกรที่นำมาเข้าโครงการต้องเน่าเสียหายจำนวนมาก ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ทำให้บอร์ดฯ ต้องสั่งพักงาน ผอ.อคส.เป็นครั้งที่ 2 และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้านวินัย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวน
"เรื่อง ผอ.อคส.ที่บอร์ดได้เลิกจ้างในครั้งนี้ บอร์ดมีอำนาจเต็ม เพราะได้มีการพิจารณาตามสัญญาจ้างทุกอย่าง มีการประเมินผลการทำงานถึง 2 ครั้ง หรือทุกๆ 6 เดือน และเห็นว่าเมื่อ ผอ.อคส.ไม่มีความเหมาะสมเพียงพอที่จะทำงานต่อ ก็มีการเลิกจ้าง พร้อมทั้งได้จ่ายเงินชดเชยให้ตามสัญญา โดยคำนวณจากเงินเดือนๆ สุดท้ายบวกให้ อีก 6 เดือน รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสรรหา ผอ.อคส.คนใหม่แล้ว คาดจะสรรหาให้ได้ภายใน 2-3 เดือน" พ.ต.ท.ไพโรจน์ กล่าว
พ.ต.ท.ไพโรจน์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ระบุว่า อคส.คืนเงินจากขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ให้ ธ.ก.ส.ไม่ครบถ้วนว่า ทุกครั้งที่ อคส.ขายข้าวจีทูจีออกไปแล้ว เมื่อได้เงินมาก็จะโอนเข้าบัญชีที่ อคส.เปิดไว้ในนามของ ธ.ก.ส. โดยไม่ได้นำเงินเหล่านั้นไปใช้ทำประโยชน์ หรือไปหมุนเวียนใช้ในด้านอื่นๆ อย่างที่ถูกกล่าวหาเลย แต่อาจมีเรื่องที่เข้าใจไม่ตรงกันด้านเทคนิคที่จะต้องมีการหักเงินค่าเสื่อมคุณภาพของข้าวบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการหักกันเลย จึงทำให้ ธ.ก.ส.เข้าใจผิดได้
ด้านนางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะกรรมการ อคส. กล่าวว่า เฉพาะการขายข้าวในรูปแบบจีทูจี ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 55 ได้คืนเงินให้กับกระทรวงการคลังไปแล้ว 52,000 ล้านบาท และไตรมาสแรกปีนี้ได้ทยอยส่งไปแล้ว 2 ครั้ง ช่วงปลายเดือน ม.ค.56 ประมาณ 12,000 ล้านบาท และต้นเดือน ก.พ.อีก 1,500 ล้านบาท รวมทั้งหมดได้ส่งเงินคืน 65,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนงานที่ได้ตั้งเป้าไว้ เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบอีก