ข้อมูลจากสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีนสำหรับภาคการผลิต เพิ่มขึ้นจาก 50.1% ในเดือนกุมภาพันธ์เป็น 50.9% ในเดือนมีนาคม
ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนล่าสุดที่ทางเอชเอสบีซีเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 50.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ มาแตะที่ระดับ 51.6 ในเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นสัญญาณแห่งการขยายตัวที่น้อยที่สุดในภาคอุตสาหกรรมการผลิตมาเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
การส่งสัญญาณในครั้งนี้บ่งบอกว่า เศรษฐกิจจีนกำลังค่อยๆฟื้นตัวขึ้น ทว่านักวิเคราะห์มองว่า บริษัทต่างๆยังคงอยู่ในช่วงการระบายสินค้าคงคลัง และแนะนำว่าจีนควรจะรักษานโยบายเงินตราที่เป็นกลางในไตรมาส 2 ไว้
ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอ่อนตัวลงจากที่ดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ ดัชนี PMI ของ CFLP เพิ่มขึ้นเพียง 0.7% จากค่าเฉลี่ยใน 2 เดือนแรกยของปี 2556 ตั้งแต่ปี 2549 ค่าเฉลี่ยดัชนี PMI ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ระดับ 2.9% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์
นับเป็นเรื่องดีที่ดัชนีวัตถุดิบคงคลัง ซึ่งเป็นดัชนีย่อยของ PMI อยู่ที่ระดับ 47.5% ในเดือนมีนาคม ซึ่งต่ำกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2% และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% เป็นระยะเวลา 2 เดือนติดต่อกัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า บริษัทภาคการผลิตยังคงดำเนินการลดสินค้าคงคลังอยู่
หยาง เว่ยเซียว นักวิเคราะห์อาวุโสบริษัท เหลียนซัน ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า ดัชนีวัตถุดิบคงคลังที่ลดลงชี้ให้เห็นว่าความต้องการที่จะเลี่ยงความเสี่ยงยังคงส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิต
หลู เซินเกวย นักเศรษฐศาสตร์ประจำอินดัสเทรียล แบงค์ กล่าวว่า ดัชนี PMI ที่ค่อยๆชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึงการระบายสินค้าคงคลังของบริษัท สวนทางกับการคาดการณ์ ดังนั้น จีนควรรักษานโยบายเงินตราที่เป็นกลางในไตรมาส 2 ซึ่งไม่ควรจะผ่อนปรน หรือเข้มงวดมากขึ้น
ถัง เจียนเหว่ย นักวิเคราะห์ประจำแบงค์ ออฟ คอมมูนิเคชั่น กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอยู่ในแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ฐานยังไม่มั่นคง
ถัง เจียนเหว่ย กล่าวว่า ในแง่ของสภาพคล่องปัจจุบัน จีนไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย จีนสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ในไตรมาสที่ 2