"กิตติรัตน์"เผยพบการเก็งกำไรค่าเงินเตือนสถานการณ์ยังผันผวน,คงเป้าส่งออก9%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 18, 2013 14:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า พบนักลงทุนบางส่วนนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไรในไทย ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนควรจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงให้มาก เพราะค่าเงินยังเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสวนทางกับดุลการค้าที่ขาดดุล ประกอบกับการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาติดลบ 5.8% ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

แต่ในขณะนี้มองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการพิเศษออกมาดูแลการเก็งกำไรค่าเงิน เพราะมีหน่วยงาน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดูแลอยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงการคลังจะดูแลด้านนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจระยะกลางและระยะยาว

"ส่วนตัวไม่ชอบเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นในลักษณะอย่างนี้ แต่เมื่อแข็งค่าไปแล้ว ภาคธุรกิจควรฉกฉวยโอกาสในการนำเข้าสินค้าเพื่อดำเนินธุรกิจ เพื่อมาชดเชยภาคการส่งออกที่เป็นลบ ซึ่งการนำเข้าที่เป็นโอกาสในขณะนี้จะมาชดเชยสัดส่วนจีดีพีภาคการส่งออกของประเทศได้เช่นกัน พร้อมทั้งช่วยลดความเสียหายของการแข็งค่าของค่าเงินบาทในที่สุด"นายกิตติรัตน์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์เงินบาทในขณะนี้ถือว่าแข็งค่าสูงสุดในรอบ 17 ปีมาอยู่ที่ 28.82-28.83 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยในปี 56 โดยกังวลว่าเป้าหมายการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 9% อาจได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรมจะพยายามหาแนวทางผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น โดยเร็ว ๆ นี้จะมีการโรดโชว์ใน 7 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย จีน เมียนมาร์ รัสเซีย บราซิล และประเทศแถบแอฟริกา เพื่อผลักดันให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายให้ได้

"เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาระดับการส่งออกบนภาวะค่าเงินบาทผันผวน โดยหน่วยงานต่างๆก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางกระทรวงการคลังเองก็มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน"นายกิตติรัตน์ กล่าว

ส่วนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทนั้น ยังมีกระบวนการการก่อสร้างที่ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ