WGC ระบุในรายงาน “Gold Investor" รายไตรมาสว่า หลังจากที่ราคาปรับตัวในช่วงแคบๆมากว่า 1 ปี ทองได้เผชิญแรงกดดันอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แรงเทขายที่ไม่คาดคิดมาก่อนในช่วงกลางเดือนเม.ย.ได้เพิ่มความกังวลที่ว่าการปรับตัวที่สดใสของทองได้สิ้นสุดลงแล้ว
“ในระยะใกล้ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ความเชื่อมั่นที่เปราะบางและความวิตกเกี่ยวกับการขายทองของธนาคารกลางยุโรป จะสร้างบรรยากาศที่ท้าทายสำหรับราคาทอง นอกจากนี้ การเทขายอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเม.ย.จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อราคาทองไปสักระยะหนึ่ง" WGC ระบุในรายงาน
อย่างไรก็ตาม WGC ย้ำว่าสถานการณ์ข้างต้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแรงผลักดันด้านปัจจัยพื้นฐานระยะยาว หรือมูลค่าเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวของทองคำ
“เราเชื่อว่า แม้มีความปั่นป่วนในปัจจุบัน แต่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดทองยังคงน่าพอใจ อุปสงค์ทองคำในตลาดส่งมอบปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งในอินเดียและจีน" นายมาร์คัส กรับบ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ WGC กล่าว
ความต้องการทองคำของอินเดียและจีนคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการซื้อทองคำทั่วโลกรายปี
“นอกจากนี้ การไม่พิจารณาถึงการขายทองที่อาจจะมีขึ้นในไซปรัส ธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ได้เป็นผู้ซื้อสุทธิสำหรับทองคำมาหลายปีแล้ว และยังคงมีภาวะการณ์และวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันการซื้อเหล่านี้" นายกรับบ์กล่าวเสริม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาทอง ซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,921.15 ดอลลาร์/ออนซ์ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอนเมื่อวันที่ 6 ก.ย.2554 นั้น ได้ร่วงลงกว่า 10% แล้วในปีนี้