"เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติมจากแบงก์ชาติ ตลาดเลยรีบาวน์กลับมา" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินความเคลื่อนไหวของเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 29.15-29.30 บาท/ดอลลาร์
"ทิศทางเงินบาทวันนี้คงประเมินยาก แต่น่าจะผันผวนในกรอบที่ประเมินไว้ ต้องรอดูว่ามีปัจจัยใหม่เข้ามาหรือเปล่า" นักบริหารเงิน กล่าว
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 29.2430 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.42681%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.63/67 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 98.60 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรล่าสุดอยู่ที่ระดับ 1.3048/3049 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.3013 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 29.3190 บาท/ดอลลาร์
- เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เผยผลหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจว่าเห็นพ้องกันถึงระดับค่าเงินบาทที่ต่ำกว่า 29.00 บาท/ดอลลาร์ เป็นระดับที่แข็งค่าเกินไป และมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อการส่งออก รวมถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.75% หากไม่มีการดำเนินการมาตรการเสริมเพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินจะทำให้มีเงินไหลเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก ดังนั้นหากเงินบาทยังแข็งค่าและยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวก็จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเข้ามาแก้ปัญหา
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้รายงานแนวทางและมาตรการต่างๆ ที่เตรียมไว้ แต่ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้ในขณะนี้ ประกอบกับช่วงต้นสัปดาห์หน้าก็มีแนวคิดที่จะสู้ตลาดทำให้เงินบาทอ่อนตัวลงอยู่ใระดับที่ส่งผลเสียหายน้อยลง ส่วนความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการอื่นนอกเหนือจากที่มีอยู่ก็ยังไม่มี
- ผู้ส่งออก-ธปท.ทวงถามคลัง ให้เร่งพิจารณาอนุมัติมาตรการผ่อนคลายเงินทุนของคนไทยและผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กที่จะออกไปลงทุนในต่างประเทศ และการอนุญาตให้ถือเงินตราต่างประเทศให้ยาวขึ้นตามภาระการชำระในอนาคต ช่วยผู้ส่งออกบริหารเงิน และการแข็งค่าของเงินบาท หลังคลังระบุต้องใช้เวลาพิจารณามากกว่า 3 เดือน
- นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนไทยหลายรายเริ่มทยอยเข้าไปลงทุนตั้งโรงงาน หรือการเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการราคาถูกในต่างประเทศ เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต เนื่องจากในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้การลงทุนหรือการซื้อสินทรัพย์ในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือยูโร จะถูกลง โดยเฉพาะสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศยุโรปที่ค่อนข้างมีราคาไม่สูงเพราะหลายกิจการประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ เผยยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน มี.ค.อยู่ที่ 4.98 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.ที่ระดับ 2.71 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากยอดส่งออกสินค้าไอทีของเกาหลีใต้ เช่น สมาร์ทโฟน และเซมิคอนดัคเตอร์ ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนในไตรมาสแรกปีนี้ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.002 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) เดือน มิ.ย.ร่วงลง 57 เซนต์ แตะที่ 92.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน(NBS) เปิดเผยว่า บริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนมีผลกำไรรวมในไตรมาสแรกปี 2556 เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 17.2% ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.
- รัฐสภากรีซมีมติผ่านร่างกฎหมายลดการจ้างงานข้าราชการจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ของประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปล่าสุดตามข้อกำหนดของกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการอนุมัติเงินช่วยเหลืองวดต่อไปให้กับกรีซ โดยกฎหมายฉบับใหม่นี้จะเปิดทางให้รัฐบาลสามารถเลิกจ้างข้าราชการ 15,000 คนภายในปี 2558 ซึ่งรวมถึง 4,000 คนในปีนี้ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในกรีซ ขณะที่รัฐบาลได้ทำการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ และยกระดับการทำงานของข้าราชการ หลังจากได้ทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรป(อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปเศรษฐกิจซึ่งเริ่มใช้เมื่อปี 2553 เพื่อแก้วิกฤตหนี้ของกรีซ โดยรัฐบาลกรีซคาดหวังว่า การดำเนินการตามนโยบายใหม่ๆเหล่านี้ จะช่วยให้กรีซได้รับเงินกู้ทั้งสิ้น 8.8 พันล้านยูโรในเดือน พ.ค.นี้ โดยจะเริ่มจากงวด 2.3 พันล้านยูโร หลังการประชุมคณะทำงานของยูโรโซนที่มีกำหนดในวันนี้ และคาดว่าเงินกู้ดังกล่าวจะช่วยหนุนเศรษฐกิจกรีซให้ฟื้นตัวขึ้นในปี 2557 หลังจากที่ถดถอยลงอย่างหนักมาเป็นเวลา 6 ปี
- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 13,630 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง หรือเทียบเท่ากับ 1,474.39 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ