นายกฯ โรดโชว์ญี่ปุ่นสร้างความเชื่อมั่นแผนบริหารจัดการน้ำ-โครงสร้างพื้นฐาน-โครงการทวาย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 22, 2013 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมงาน "Tokyo Roadshow 2013" ในหัวข้อ "Building a Strong Foundation for Thailand and ASEAN" ซึ่งกระทรวงการคลังจัดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนญี่ปุ่น ถึงศักยภาพการบริหารประเทศเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ เพื่อเป็นศูนญืกลางการเชื่อมโยงของอาเซียน รวมทั้ง การสนับสนุนโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การจัด Roadshow ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับนักลงทุน นักธุรกิจ ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น(เจโทร) ที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงการคลังไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพการจัดงานวันนี้ และเป็นกำลังสาคัญที่ทำให้งานประสบความสาเร็จ มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก

ความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการจัดงานในครั้งนี้ ก็เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยหลายโครงการที่ประเทศไทยต้องการเห็นความร่วมมือในการลงทุนของประเทศญี่ปุ่น และมั่นใจว่าแผนงานโครงการเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภูมิภาค ปกป้องการลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไทย และทำให้การลงทุนที่มีอยู่แล้วมีศักยภาพสูงขึ้น มีผลตอบแทนที่ชัดเจนและเพิ่มพูน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ "The Future of Asia" ของบริษัท Nikkei เพื่ออธิบายถึงภาพรวมของการเจริญเติบโตของเอเชียในอนาคตในมุมมองของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องและสอดคล้องกับแผนการลงทุนของประเทศไทย

สำหรับในการหารือกับนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นซึ่งต่อเนื่องจากการเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและการกำหนดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับไทยในการสร้างอนาคตที่สดใสสำเร็จมาแล้วสาหรับคนรุ่นปัจจุบัน และนายกรัฐมนตรีเดินทางครั้งนี้เพื่อเชิญชวนให้ทุกท่านช่วยกันสานฝันเพื่อสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของสองประเทศอีกครั้ง

นายกรัฐมนจรี ระบุว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการวางรากฐานการพัฒนาประเทศโดยมีแผนพัฒนาขับเคลื่อนประเทศในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าและเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 ซึ่งการดำเนินการตามแผนจะทาให้ประเทศไทยเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ปกป้องการลงทุนของผู้ที่ลงทุนในประเทศไทย ทั้งจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางความเชื่อมต่อของภูมิภาค(Connectivity) ทั้งในอาเซียนและสู่ตลาดโลก

โครงการแรก คือ โครงการลงทุนด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในวงเงิน 350,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้ เป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจรที่จะช่วยปกป้องเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแล้ว ยังจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสาหรับภาคการเกษตรซึ่งเป็นสาขาการผลิตที่มีความสาคัญที่เป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย โครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านน้ำ (Water Security) สำหรับการเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค และเป็นการป้องกันอุทกภัยขนาดใหญ่ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

โครงการที่สอง คือแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงข่ายพื้นฐานด้านการขนส่งของไทยเข้ากับฐานการผลิตไม่ว่าจะเป็นเกษตรหรืออุตสาหกรรมภายในประเทศ และเชื่อมโยงสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ทั้งนี้จะเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค (Regional Hub) ทำให้เกิดการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีโครงการลงทุนที่สาคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ และรถไฟใต้ดิน การปรับปรุงถนนสายหลัก ด่านศุลกากรและเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน สนามบิน ตลอดจนโครงข่ายพื้นฐานอื่นๆ

โครงการที่สาม คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกทวาย ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นความร่วมมือของสองประเทศ ประธานาธิบดีเต็ง เส็ง และนายกรัฐมนตรี ได้ตกลงที่จะพัฒนา โดยเชื่อว่าจะเป็นโครงการที่สาคัญ ก่อให้เกิดการค้า การลงทุนและการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค เนื่องจากทวายเป็นหนึ่งในสามเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สาคัญที่สุดของเมียนมาร์ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กว่า 200 ตารางกิโลเมตร ที่สามารถรองรับอุตสาหกรรมได้หลายรูปแบบแล้ว ท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็นประตูการค้าขนาดใหญ่ออกสู่มหาสมุทรอินเดียเชื่อมต่อไปยังตลาดฝั่งตะวันตกของโลก ได้แก่ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป

"ทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการที่ต้องการการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งมีโครงการที่ต้องรองรับในหลายมิติ จึงต้องการที่จะเชิญชวนนักลงทุนจากประเทศต่างๆเข้าร่วมโครงการ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ