นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รอง
นายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เผยการดำเนินโครงการรับ
จำนำข้าวของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ โครงการรับ
จำนำข้าวเปลือกนาปีปี 54/55, โครงการรับ
จำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 55 และโครงการรับ
จำนำข้าวเปลือกปี 55/56(ทั้ง
ข้าวเปลือกนาปีและนาปรัง) ใช้งบประมาณไปแล้วไม่เกิน 650,000 ล้านบาท และเมื่อถึงสิ้นปี 56 จะมีการปรับตัวเลขค่าใช้จ่ายในโครงการรับ
จำนำข้าวให้เหลือกรอบการใช้เงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติอนุมัติไว้ คือเงินกู้ 410,000 ล้านบาท และเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) อีก 90,000 ล้านบาท
"เงินที่ใช้รับจำนำเกินกรอบ 500,000 ล้านบาทในปัจจุบันสามารถทำได้ เพราะ ครม.มีมติให้ธ.ก.ส.สำรองเงินรับจำนำข้าวไปก่อนในส่วนที่ต้องใช้เงินเกิน แต่สุดท้ายจะต้องหาเงินมาคืนกระทรวงการคลัง เพื่อให้เงินไม่เกินกว่ากรอบที่กำหนด ส่วนที่มีกระแสข่าวใช้เงินไปแล้ว 7 แสนกว่าล้านบาท ไม่ทราบว่านำข้อมูลมาจากไหน" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
สำหรับเงินที่จะต้องหามาส่งคืนกระทรวงการคลัง เพื่อให้กรอบการใช้เงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาทนั้น จะมาจากหลายแหล่ง แต่เน้นเงินที่ได้จากการระบายสต๊อกข้าวรัฐบาล โดยขณะนี้กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะระบายข้าวทั้งในส่วนของการเจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ให้กับประเทศอิรัก อิหร่าน อินโดนีเซีย จีน เป็นต้น และการเปิดประมูลข้าวภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการใช้เงินมาดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาลปี 55/56 ทั้งนาปีและนาปรังนั้น ขณะนี้ใช้เงินไปแล้วประมาณ 300,000 ล้านบาท มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 22 ล้านตัน เป็นไปตามตัวเลขที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ ส่วนโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลใหม่ อีก 2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องของราคาและหลักเกณฑ์การรับจำนำ