โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการให้เกษตรกรเข้าถึงบริการและนวัตกรรมทางการเงินที่สะดวกรวดเร็วเฉกเช่นคนในเมือง รวมทั้งสามารถใช้เป็นช่องทางดูแลในเรื่องการจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพและราคาที่เป็นธรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกรโดยตรง เช่น การงดคิดดอกเบี้ยการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง 1 เดือนแรกของ ธ.ก.ส. และหากเกษตรกรซื้อปัจจัยการผลิตจากผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการก็จะได้รับการงดคิดดอกเบี้ยอีก 4 เดือน โดยผู้ผลิตจะรับภาระดอกเบี้ยแทน ทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหากชำระหนี้บัตรภายใน 5 เดือน
รมช.คลัง กล่าวว่า ธ.ก.ส. ได้ขยายสิทธิประโยชน์ในการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มเติมจากเดิมที่ซื้อได้เฉพาะปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ สารกำจัดศัตรูพืช และน้ำมันเชื้อเพลิง เพิ่มเป็นการจัดซื้ออาหารสัตว์ อุปกรณ์เครื่องใช้ทางการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน เช่น ข้าวสาร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตรด้วยการจัดทำกรมธรรม์คุ้มครองการประกันชีวิตหรือการประกันอุบัติเหตุวงเงินสูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท การได้รับสิทธิการตรวจสุขภาพประจำปีฟรีกับโรงพยาบาลของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. กำลังพัฒนาระบบเพื่อใส่วงเงินสดรายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อให้เกษตรกรผู้ใช้บัตรสามารถนำไปกดเงินสดที่ตู้ ATM ของธ.ก.ส. เมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องการใช้เงินสดด่วนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการพึ่งพาเงินนอกระบบที่คิดดอกเบี้ยในอัตราสูงๆ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการการเงินในระบบให้แก่เกษตรกรในช่วงจำเป็น โดยคาดว่าระบบดังกล่าวจะเสร็จก่อนสิ้นปีนี้
"การให้เงินกู้ผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรไม่ใช่การสร้างภาระหนี้สินเพิ่มให้เกษตรกร เนื่องจากที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ก็ได้ให้บริการเงินกู้เพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้อปัจจัยการผลิตและเงินกู้ฉุกเฉิน (A-Cash) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้น เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการให้เงินกู้ จากเดิมที่เกษตรกรต้องทำเอกสารทุกครั้งที่ต้องการใช้เงินกู้ มาเป็นการดำเนินการผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้เกษตรกรนำเงินกู้ไปใช้ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ เนื่องจากขอบเขตการใช้จ่ายผ่านบัตรได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ธ.ก.ส. จึงมั่นใจว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้เกษตรกรลูกค้าเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และระบบเงินทุนหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานราก ที่สำคัญบัตรสินเชื่อเกษตรกรมีการกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ที่สอดคล้องกับการผลิตของเกษตรกรซึ่งแตกต่างจากบัตรเครดิตโดยทั่วไปที่ต้องชำระหนี้กันทุกเดือน" รมช.คลัง กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อปลูกฝังวินัยทางด้านการเงินและการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยไม่กระทบต่อภาระหนี้สินในอนาคต ธ.ก.ส. ได้จัดกิจกรรมจูงใจให้เกษตรกรชำระหนี้ภายในกำหนด ด้วยการจัดลุ้นโชคเป็นของรางวัลมากมายมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และในกรณีที่เกษตรกรยินยอมให้นำเงินที่ได้รับจากการจำนำข้าวมาหักชำระหนี้บัตร ธ.ก.ส. จะลดดอกเบี้ยให้อีกร้อยละ 1.50% เหลือเพียงร้อยละ 5.50 เท่านั้น
ทั้งนี้ จากการประเมินผลโครงการล่าสุดพบว่าเกษตรกรเริ่มมีความเข้าใจ และเห็นว่าบัตรมีประโยชน์ มีคุณค่า จึงสนใจที่จะขอใช้บริการกันมากขึ้น ซึ่งเกษตรกรที่สนใจสามารถติดต่อขอจัดทำบัตรและรับบัตรได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดทำบัตรและค่าธรรมเนียมรายปีใดๆทั้งสิ้น ส่วนร้านค้าขายวัสดุปัจจัยการเกษตร หากสนใจจะขายสินค้าผ่านบัตรก็สามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเช่นกัน