“สัญญาณบวกของปีหน้า คือ เศรษฐกิจยุโรป คงไม่ดิ่งไปกว่านี้แล้ว เข้าใจว่าจะมีแต่กระเตื้องขึ้น สหรัฐฯ ก็คงใช้เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจอีกประมาณ 1-2 เดือน แต่ก็คิดว่าภายในปีนี้คงจะจบ จีนก็สามารถรักษาอัตราการเติบโตของตัวเองได้ ในอาเซียนก็ยังดี ขณะเดียวกัน ทางเวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟต่างก็ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก" นายพยุงศักดิ์ กล่าว
จากปัญหาภายนอกที่เข้ามามีผลต่อเศรษฐกิจ ทำให้ไทยจำเป็นต้องกลับมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง รวมทั้งการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากมองไปถึงปีหน้าคงต้องเร่งลงทุนโครงการต่าง ๆ ภายใต้การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพราะคนเริ่มวิตกกังวลเรื่องน้ำท่วม รวมถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
นายพยุงศักดิ์ คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยนปีนี้น่าจะเติบโตไม่ถึง 4% ส่วนปีหน้าจะเติบโตได้ในระดับ 4-5% หรือไม่นั้นก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น กำลังซื้อในประเทศ ความสามารถในการแข่งขัน การค้าขาย การส่งออกที่ดี การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท โครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท หากเรื่องเหล่านี้เกิดได้เร็ว เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจปีหน้าจะเติบโตได้ที่ 4-5%
ส่วนสถานการรน้ำท่วมในขณะนี้ในแง่อุตสาหกรรมการผลิตไม่ได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องหยุดการผลิต แต่อาจมีเรื่องความเสียหายกับบ้านเรือนประชาชน เชื่อว่าหลังจากน้ำลดคงจะมีการซ่อมแซมความเสียหายต่างๆ คาดว่าสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างน่าจะขายดี ขณะที่ปัญหาการเมืองในขณะนี้เท่าที่ดูรัฐบาลไทยสามารถบริหารประเทศมาได้ 2 ปีกว่า และคาดว่าคงจะอยู่ครบ 4 ปี เพื่อให้มีความต่อเนื่อในการทำงาน
“ไม่อยากให้เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย เชื่อว่าการทำงานที่มีผลงาน ประชาชนคงจะตัดสินใจเอง"นายพยุงศักดิ์ กล่าว